รีวิว ครั้งแรกกับทริปดำน้ำ+ตกหมึกชุมพร แบบละเอียดยิบ (คำเตือน รูปเยอะมากกก)

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่านครับ   หลังจากที่อ่านรีวิวทริปดำน้ำจากเพื่อนๆท่านอื่น ก็เลยอยากลองไปดูด้วยตาตัวเองมั่ง  ก็เริ่มจากหาข้อมูลต่างๆจากทั้งใน Pantip และในเวปต่างๆ  เพื่อเป็นการขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแชร์ข้อมูล  ก็เลยอยากจะทำกระทู้รีวิวแบบละเอียดเป็นการตอบแทนมั่ง เผื่อว่าใครกำลังหาข้อมูลหรือจะตามรอยก็จะได้นำไปใช้ได้เลย  แต่ถ้าท่านไหนเห็นว่าข้อมูลอันไหนไม่ถูกต้อง ก็แย้ง หรือเสริมได้เลยนะครับ
    


กล้องบนดิน : Sony Nex5T
กล้องใต้น้ำ : Fuji XP80


ตอนที่ 1 : วางแผนก่อนออกเดินทาง
       สำหรับทริปนี้ผมตั้ง Mission ว่าอยากไปดำน้ำ และตกหมึกกินหมึกสดๆ บนเรือ   ซึ่งผมเป็นคนที่เมารถ เมาเรือง่าย และว่ายน้ำไม่เป็น ไม่เคยดำน้ำมาก่อนเลย แต่ก็อยากลองดูสักครั้งในชีวิต ก็เลยต้องวางแผนการเดินทางที่เรื่องมากกว่าชาวบ้านเค๊า  เน้นเดินทางสบาย ไม่รีบมาก และเรือที่ไปต้องลำใหญ่ เพื่อจะได้โคลงเคลงน้อยหน่อยไม่ให้เมาเรือง่าย มีห้องน้ำห้องท่า สะอาด  ซึ่งเรือนำเที่ยวดำน้ำส่วนใหญ่จะเป็นเรือไม้ที่เป็นเรือประมงดัดแปลง หรือ speed boat ก็เลยตัดไปก่อน  หาไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเจอของบริษัทสยามคาตามารัน เป็นเรือใหญ่นำเที่ยวโดยเฉพาะ มีทั้งทัวร์ดำน้ำ และตกหมึกด้วย  โดยเฉพาะทริปตกหมึกที่ส่วนมากจะมีแต่แบบเป็นเรือไม้ออกไปกลางทะเลโคลงเคลง บางทีก็ไม่มีห้องน้ำอีก แบบนั้นคงไม่ไหว  ก็เลยตั้งเป้าการเดินทางว่า จะไปดำน้ำตกหมึกที่ชุมพร นี้แหละ  
     หลังจากได้เป้าหมายแล้ว  ต่อไปก็หาตั๋วราคาโปร  ซึ่งบริษัทนี้ออกบูธงานไทยเที่ยวไทยด้วย   ก็เลยได้ตั๋วราคาโปรในงาน  ทัวร์ดำน้ำ ลดจาก 1,250 เหลือ 999 บาท และทัวร์ตกหมึก ลดจาก 1,250 เหลือ 900 บาท 

  (ล่าสุดตอนนี้ทัวร์ตกหมึกในเวปปรับราคาลงเหลือ 750 บาทเอง T_T)
แต่ทั้ง 2 ทัวร์ที่เป็นราคาโปรนี้ จะไม่รวมรถรับส่งจากที่พักมาท่าเรือ ต้องเดินทางมาท่าเรือเอง  แต่ถ้าซื้อราคาเต็มจะมีรถรับส่งด้วย ก็เลยขอต่อรองกับ sale ขอรถรับส่งจากสถานีรถไฟหน่อยละกัน แค่ไม่กี่กิโลเอง  จนสุดท้าย sale ก็แถมรถรับส่งให้  (หากจะเดินทางจากสถานีรถไฟมาท่าเรือเอง จะต้องเดินมาขึ้นรถสองแถวที่ศาลหลักเมืองอีก 1.3 กิโล คนละ 40-50 บาท  หรือจะเหมารถกระป้อหรือวินมอเตอร์ไซที่จอดหน้าสถานีรถไฟคนละ 100-200 บาทต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับจำนวนคนและการต่อรอง)

    หลังจากได้ตั๋วทัวร์ดำน้ำตกหมึกแล้ว  ก็จองตั๋วเดินทางไปชุมพร  ซึ่งผมเลือกเดินทางโดยรถไฟ ขบวน 43 กรุงเทพ-ชุมพร ซึ่งเป็นขบวน Sprinter ที่นั่งสบาย และใช้เวลาเดินทางเร็วสุดในบรรดาขบวนรถไฟ(ไทย) ประเภทอื่นละ  ราคาตั๋ว 510 บาท (จองล่วงหน้าได้ 2 เดือน)

ส่วนขากลับ ก็กลับตู้นอน ขบวน 174 ตู้แอร์เตียงล่าง ราคา 670 บาท (เตียงล่างจะแพงกว่าเตียงบนประมาณ 100 กว่าบาท แต่จะนอนสบายกว่ามาก)

     หลังจากได้ตั๋วรถไฟแล้ว ก็จองทีพัก  ซึ่งผมเลือกที่พักที่ใกล้ท่าเรือที่สุด เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ตื่นสายได้ และเดินมาท่าเรือเลย ไม่ต้องมาคอยรถมารับ ค้นๆดู ก็เจอ ซีซ่า โฮเทล เป็นเกสเฮ๊าส์เล็กๆ อยู่ตรงข้ามท่าเรือเลย  จองใน booking.com ราคา 550 บาทเอง  จ่ายเป็นเงินสดในวันที่เข้าพักได้เลย 

     ตอนนี้ก็ booking ทุกอย่างครบละ  (จ่ายเงินไป ตัวเบาเลย T-T)  สำหรับแผนการเดินทางในครั้งนี้ มีดังนี้

Day 1
    8.05  ออกจาก กทม ขึ้นที่สถานีบางซื่อ รถไฟ Sprinter ขบวน 43  
    14.36 ถึงชุมพร   
    14.36-17.20 เดินเที่ยวในเมืองรอรถมารับไปท่าเรือ
    17.20 ขึ้นรถมาท่าเรือไปตกหมึก 
    18.00 เรือออก
    22.30 เข้าฝั่ง
    23.00 เข้าที่พัก

Day 2 
    8.20 ออกจากที่พัก
    9.00 เรือออกไปทัวร์ดำน้ำ 4 เกาะ
    16.00 กลับเข้าฝั่ง
    16.30 รถมาส่งที่สถานีรถไฟชุมพร
    16.30-19.30 เดินเที่ยว กินข้าวเย็นในเมือง
    19.36 ขึ้นรถไฟตู้นอนขบวน 174 
    05.10 ถึง กทม

     เอาหละ ถึงเวลาเดินทางละ  ถ้าพร้อมแล้ว  ก็เกาะรถไฟมาพร้อมกันเลย


ตอนที่ 2 : ออกเดินทาง 

     ทริปนี้ เริ่มจากสถานีรถไฟบางซื่อ 2  (ชุมทางบางซื่อจะมีสถานีบางซื่อ 1 เป็นสายอีสานและสายเหนือ และสถานีบางซื่อ 2 เป็นสายใต้ ซึ่งอยู่ติดกับ MRT บางซื่อ  ดังนั้นไปรอรถไฟให้ถูกสถานีด้วยหละ)  


     ในตั๋วจะออกจากหัวลำโพง 8.05 จะถึงบางซื่อประมาณ 8.20  แต่ในวันนั้น รถออกจากหัวลำโพงช้าประมาณครึ่งชั่วโมง  มาถึงบางซื่อ 8.40  หน้าตาของรถขบวนนี้เป็นแบบนี้  มีแค่ 3 โบกี้เอง


รถไฟจะวิ่งจากบางซื่อ ถึงชุมพร ระยะทางประมาณ 470 กิโลเมตร ถ้าตรงเวลาตามระบุในตั๋ว จะใช้เวลา 6 ชั่วโมง


ขึ้นรถไฟมาแล้วก็หาที่นั่งที่ระบุในตั๋ว  ที่นั่งจะเป็นเบาะหนัง ปรับเอนได้ สภาพค่อนข้างเก่า แต่ก็สะอาดดี


เมื่อขึ้นมานั่งแล้ว จะมีพนักงานมาแจกขนมและน้ำ  มีน้ำเปล่า ชา กาแฟ น้ำสับปะรด ให้เลือก (เหมือนบนเครื่องบินเลยแฮะ)



รถไฟมีห้องน้ำด้วย มีทั้งแบบชักโครก และนั่งยองๆ แล้วแต่คนถนัด  ค่อนข้างสะอาดเลย



มีปลั๊กไฟชาร์ตแบตมือถือด้วย (ไม่รู้เค๊าให้ชาร์ตได้หรือปล่าว แต่เสียบชาร์ต พนักงานก็ไม่ได้ว่านะ หุๆ)


    Tip : ถ้าอยากนั่งตำแหน่งที่มีปลั๊กไฟ ควรเลือกที่นั่ง 31(ริมทางเดิน) หรือ 32(ริมหน้าต่าง)
พอวิ่งไปถึงเพชรบุรี จะมีพนักงานมาให้บริการขายของฝาก ขนมหม้อแกงเพชรบุรี  และถึงราชบุรี ก็จะมีก๋วยเตี๋ยวราชบุรีใส่กล่องมาขาย กล่องละ 20 บาทเอง  เลยลองชิมกล่องนึง  อร่อยดีอะ  ต้องห้ามพลาด (หมายเหตุ : รถไฟขบวน sprinter จะไม่มีแม่ค้ามาขายของในขบวนเหมือนขบวนอื่นๆ แต่จะมีพนักงานรถไฟที่รับมาจากแม่ค้ามาขายอีกที  น้ำดื่มขอจากพนักงานได้ฟรี)


พอใกล้เที่ยง พนักงานจะเสริฟอาหารเที่ยง เป็นอาหารสำเร็จรูปเวฟมาร้อนๆ  อร่อยด้วย
    


นั่งชมวิวเพลินๆ เลียบชายหาด  สวยดี
    


แป๊บๆ 14:36 ถึงชุมพรแล้ว ตรงเวลาเป๊ะเลย  ขนาดว่าออกช้าตั้งครึ่งชั่วโมงนะเนี่ย  ทำเวลาได้ดีมากๆ  ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง 
    


แผนที่จุดต่างๆในเมืองชุมพร
    


ที่สถานีรถไฟมีที่ฝากของ 24 ชั่วโมงด้วย ถ้าเป็นเป้ คิดค่าฝากใบละ 20 บาท  ห้องจะล็อคไว้ ไม่มีคน ให้ติดต่อได้ที่ป้าในร้านมินิมาร์ทข้างๆ
    


ห้องน้ำที่สถานี ได้รับมาตรฐานความสะอาดระดับประเทศด้วย  
    


เข้ามาดูข้างใน ถึงจะเก่าแต่ก็สะอาดพอสมควร  มีห้องอาบน้ำด้วย  เผื่อใครจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดินทางต่อ
    


มาถึง ก็โทรเช็คเวลากับบริษัททัวร์ก่อนเลยว่าวันนี้รถจะมารับกี่โมง ซึ่งไม่แน่นอน ต้องเช็ควันต่อวัน  พอดีวันนี้จะมาส่งลูกค้ากลับจากทัวร์ดำน้ำในเมืองบ่าย 4 ก็เลยจะมารับบ่าย 4 กว่าๆ  ดีเลยจะได้ไม่รอนาน  มีเวลาว่างชั่วโมงครึ่ง ก็เลยมาเดินห้างโอเชี่ยน ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชุมพร  เดินจากสถานีรถไฟแค่ 400 เมตร เดินตรงมาเรื่อยๆ ข้ามสี่แยกไฟแดง ไม่หลงแน่นอน
    


ห้างนี้เป็นห้างท้องถิ่นเล็กๆ  ในห้างก็จะมีร้านพวก KFC MK Swensen Watson ให้นั่งกินฆ่าเวลาได้ หรือถ้าอยากช๊อปก็มีพวกเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ  มี supermarket ข้างในด้วย
    


16.00 เดินกลับมารอรถที่สถานีรถไฟ  ซักพัก 16.20 รถตู้ของสยามคาตารารันก็มารับ  สถาพรถค่อนข้างใหม่ สะอาด รถจะพามาส่งที่ออฟฟิตตั้งอยู่ที่ท่าเรือทิพมารีน่าซึ่งเป็นท่าเรือของบริษัทเอง  แต่ก่อนที่จะไปที่ท่าเรือ ก็ขอให้พี่คนขับ(พี่ปอ) พามา check in เอาของไปเก็บที่ซีซ่าโฮเตล ที่อยู่ตรงข้ามท่าเรือก่อน  พี่คนขับก็ใจดี พาแวะให้เนื่องจากเวลาเหลือเยอะ และไม่มีผู้โดยสารท่านอื่นแล้ว
    


ป้ายทางเข้า ซีซ่า โฮเทล จางๆ เกือบไม่เห็นแหนะ  อยู่ในซอยเดียวกับท่าเรือเกาะเจริญ ที่เป็นเรือนอนข้ามไปเกาะเต่า  อยู่ต้นๆซอย ถึงก่อนท่าเรือเกาะเจริญ
    


ที่นี่เป็นเกสเฮ้าส์เล็กๆ สำหรับนอนอย่างเดียวเลย ไม่มี facility ภายนอกอื่นๆ ไม่มีอาหารเช้า  มีที่จอดรถหน้าห้องแต่ละห้อง ใครเอารถมาเองก็สะดวกเลย
    


    


ภายในห้อง ค่อนข้างสะอาดเลย ราคานี้ถือว่าคุ้มมาก  แต่ตอนจอง จองแบบเตียงเดี่ยว แต่พอ check in ได้ห้องเตียงคู่มาแทน เพราะเขาว่าห้องเตียงเดี่ยวยังไม่ว่าง  ก็ไม่เป็นไร นอนได้เหมือนกัน  (Note : ส่วนมากการจองผ่าน agoda หรือ booking หลายๆที่ มักจะมีปัญหาเรื่องการเลือกห้อง ซึ่งเจ้าของโรงแรมบางที่จะเลือกห้องที่ทำเลไม่ดีให้ ส่วนห้องทำเลดีเก็บไว้ให้พวก walk in ก่อน)
    


ห้องน้ำไม่หรู แต่ก็สะอาดดี มีเครื่องทำน้ำอุ่น ถึงจะเก่าไปหน่อยแต่ก็ใช้งานได้ดี
    


หลังจาก chek in เอาของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางมาที่ท่าเรือต่ออีกไม่ไกล
    


มาถึง ก็ check in โดยจะ print ใบยืนยันการจอง หรือเอารูปใบยืนยันการจองให้ดูจากมือถือก็ได้
    


พนักงานต้อนรับที่นี่ขี้เซามาก  
    


หลังจากนั้นก็นั่งรอพนักงานเตรียมเรือแป๊บนึง


ตอนที่ 3 : ออกเรือไปล่าหมึก :

ตามโปรแกรม มีรายละเอียดดังนี้
    


17:30 เรือพร้อมออกเดินทางแล้ว  (ตามกำหนดการออก 18.00 แต่ถ้าคนพร้อม เรือพร้อม ก็ออกก่อนเวลาได้)  เรือที่นี่จะมี 3 ลำ 3 ขนาด โดยแต่ละวันจะเอาเรือลำไหนออก ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร  sale บอกว่าเรือออกทุกวัน มาแค่ 1-2 คน ก็ออก  โดยวันนี้มีลูกทัวร์ทั้งหมดแค่ 7 คน เลยใช้เรือเล็กที่อยู่นอกสุดออก ถึงจะเป็นเรือเล็ก แต่ก็ facility ครบเหมือนเรือใหญ่เลย
    


เรือทั้ง 3 ลำ จะมีสไลเดอร์ทุกลำเลย  เอาไว้เล่นในทัวร์ดำน้ำ  แต่ทัวร์ตกหมึกเล่นไม่ได้ เพราะมันมืด เหอๆ
    


เรือลำนี้มี 2 ชั้น มีน้ำดื่ม น้ำแข็ง น้ำอัดลมให้ หม้อหุงข้าวพร้อม เอาไว้กินกับหมึกที่ตกได้  ตกไม่ได้ไม่ก็ไม่มีกับข้าวกินนะ (ซะเมื่อไหร่หละ 555 เขามีข้าวเย็นเตรียมไว้ให้ด้วย)
    


ในเรือมีปลั๊กไฟชาร์ตแบตมือถือด้วย เผื่อเดินทางมาทั้งวัน แบตหมด ก็เสียบชาร์ตได้  โดยไฟมาจากเครื่องปั่นไฟบนเรือ
    


มีโต๊ะนั่งพัก มีคาราโอเกะให้ร้องด้วย  (เป็นโน๊ตบุคต่อขึ้นจอทีวี  ถ้าใครอยากได้เพลงที่ update ก็เตรียมแผ่นมาเองได้) หรือถ้าติดละครหลังข่าว ก็มีสัญญาณทีวีด้วย (แต่ต้องเคลียร์กับคนที่จะร้องคาราโอเกะเองนะ 555)
    


ด้ายหลังเรือ มีเตาปิ้งเตรียมไว้พร้อม  
    


บนเรือมีห้องน้ำด้วย สะอาดใช้ได้
    


ชั้นบน จะมีที่นั่งชมวิว  ที่นั่งจะไม่ fix ใครอยากนั่งตรงไหนก็ได้
    


ที่นั่งที่ดีสุด อยู่หน้าเรือ  ตรงนี้จะโต้ลมสุดๆ  (แต่ไม่แนะนำสำหรับคนใส่คอนแทคเลนส์ เพราะจะทำให้ตาแห้งได้)
    


เรือแล่นออกไปได้ซักพัก จะมีเสิร์ฟของว่างกินรองท้องไปก่อน
    


เรือจะค่อยๆแล่นไปตามคลองออกสู่ปากน้ำ  ชมนกชมไม้ 2 ข้างทางชิลๆ  น้ำนิ่ง ยังไม่มีคลื่น
    



ซากเรือประมงเวียดนามที่รุกล้ำน่านน้ำไทย  บรรยากาศหลอน ชวนขนหัวลุกสุดๆ
    


เรือประมงจอดเทียบท่าแต่ละเจ้า  สีสรรไม่เหมือนกัน
    



ชาวประมงกำลังเก็บอวน  มีร้องเพลงประสานเสียงให้จังหวะด้วย 
    


ตำรวจมาทำอะไรที่ท่าน้ำก็ไม่รู้
    


ล่องมาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงปากน้ำแล้ว  จะออกสู่ทะเลกว้างแล้ววว
    


พอออกจากปากน้ำ เรือก็เร่งเครื่องเร็วขึ้น  คลื่นก็แรงขึ้น เรือเริ่มโคลงเคลงละ  
มีเรือรบไว้สอดส่องน่านน้ำด้วย  ใครลุกล้ำน่านน้ำ ยิงทิ้งเลย (คงไม่มั๊ง 555)
    


ชมพระอาทิตย์ตกบนเรือ  ฟินสุดๆ
    


เรือแล่นออกมาห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโล ก็ปักสมอ จอดอยู่กลางทะเล
    


พนักงานบนเรือ (พี่ปออีกนั่นแหละ) กางหลอดไฟล่อหมึกออกเตรียมพร้อมล่าหมึกละ
    


ไฟติดละ  โอม จงมา จงมา
    


อันนี้คือเหยื่อที่ใช้ในการตกหมึก เรียกว่าโยทะกา เป็นตะขอซี่ๆ แต่ไม่แหลมเหมือนเบ็ดตกปลา เพราะหมึกจะให้หนวดรัดซี่ๆนี้  ไม่ได้ฮุบเหยื่อเหมือนปลานะ
    


ผูกกับเส้นเอ็น หย่อนลงไป แค่นี้ก็ใช้ตกหมึกได้แล้ว
    



พี่ปอ สาธิตวิธีการตก  เด็กๆ ตั้งใจฟังกันใหญ่  วิธีการตก ให้หย่อนเหยื่อลงไปจนเกือบถึงพื้นทะเล แล้วค่อยๆกระตุกเรื่อยๆอย่าหยุด เพื่อล่อให้หมึกมากินเหยื่อ  ถ้าอยู่เฉยๆ หมึกจะไม่กิน
    


ยืนกระตุกจนเมื่อยแขนอยู่ครึ่งชั่วโมง  ไร้ซึ่งวี่แววหมึก  ลูกทัวร์ทั้งลำเริ่มไม่มั่นใจในวิธีการตกซะแล้ว   ซักพักนึง  อ๊ะ!! หมึกกินเหยื่อแล้วววว  รีบดึงขึ้นมา  ถ้าดึงช้าหมึกจะหลุดอีก  เย้ๆ ตกได้เป็นคนแรก  ทั้งลำกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่    ถ่ายรูปๆ  
    


หมึกตัวเป็นๆ ใสๆ มีไข่ด้วย  มีอาหารเย็นกินแล้ว เย้ๆ
    


หลักจากตกตัวแรกได้  ทั้งลำก็เริ่มมีกำลังใจละ  ซักพักน้องคนนี้ก็ตกได้  ตัวแค่นี้ เก่งจัง
    


สักพัก เริ่มมีคนเมาเรือ  กัปตันเลยพาย้ายไปจุดใหม่ที่น้ำตื้นขึ้น จะได้โคลงเคลงน้อยลง  แต่หมึกอาจจะน้อยหน่อย (จุดใหม่นี่ ไม่มีใครตกได้เลยแหละ  แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยก็ไม่เมาเรือเท่าจุดเดิม)
    Tip : เวลาอยู่บนเรือ ให้มองไปไกลๆ อย่ามองคลื่นใกล้ๆเรือ และปล่อยตัวไหลไปตามคลื่น อย่าฝืนต้าน  อย่าปล่อยให้ท้องว่าง หรือแน่นท้องจนเกินไป  จะช่วยลดการเมาเรือได้ แต่ในเวลากลางคืน จะเมาเรือง่ายหน่อย เพราะมองไกลก็เห็นแต่มืดๆ   ก็พยายามมองดาว หรือไฟไกลๆ  และตอนตกหมึกก็อย่าก้มมองมาก  เดี๋ยวจะเมาเรือได้ง่าย

สักพักเริ่มหิวกันแล้ว  พนักงานก็นำข้าวเย็นที่เตรียมไว้ออกมาเพียบเลย  รสชาตอร่อยมาก  แต่ไม่กล้ากินเยอะ เดี๋ยวเมาเรือแล้วอ๊วก
    


พี่ปอเอาหมึกที่เตรียมมาจากฝั่งมาปิ้งให้กิน  ถึงตกไม่ได้ ก็ยังมีหมึกให้กินอยู่นะ
    



ส่วนหมึกสดๆที่ตกได้ ส่วนนึงพี่ปอเอามาทำซาชิมิสดๆ ให้ลองชิม  เนื้อกรุบๆ หวานมากกกก
    



อีกส่วนนึง เอามาย่าง  เปรียบเทียบระหว่างหมึกสด กับไม่สด แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลย  เนื้อหวานกว่ามาก
    


หลังจากกินอิ่มแล้ว  ก็เริ่มอืดกันละ  ไม่มีใครตกหมึกละ (ขี้เกียจกันแล้วอะดิ 555)  บางคนก็เริ่มจะเมาเรือแล้ว  เลยพากลับเข้าฝั่งตอน 3 ทุ่ม
    


ประมาณ 4 ทุ่มถึงฝั่ง  พี่ปอก็เอารถไปส่งที่พี่พัก  (พี่ปอนี่ทำทุกอย่างเลยจริงๆ  555)  ถึงที่พัก  อาบน้ำเสร็จ นอนเลย หมดแรง  ชาร์ตแบตเตรียมดำน้ำพรุ่งนี้ต่อ   คร่อก......

อ่อ บนเรือตอนออกไปกลางทะเล มีสัญญาณ 3G ด้วย สัญญาณแรงเลย  แต่ไม่แนะนำให้เล่นมือถือบนเรือมาก เพราะจะทำให้เมาเรือง่ายมากๆ  เอาไว้แค่อัพเฟส แชทไลน์ นิดๆหน่อยๆพอ


ตอนที่ 4 : ดำน้ำตื้นชุมพร

กำหนดขึ้นเรือ 8:30  ตั้งปลุกตื่น 7 โมงเช้า  อาบน้ำเสร็จ เดินออกมาหาข้าวเช้ากิน (ที่พักไม่รวมข้าวเช้า) จากหน้าที่พัก เดินมาทางซ้ายนิดหน่อย จะเจอท่าเรือเกาะเจริญ
    


จะมีร้านขายของชำเล็กๆ และอาหารตามสั่งตรงข้ามท่าเรือเกาะเจริญ (อยู่ฝั่งเดียวกับที่พัก)  แต่ตามสั่งยังไม่เปิดขาย มีแต่ข้าวแกง
    


เลยสั่งใส่กล่องมากิน กับข้าว 2 อย่าง 40 บาทแหนะ รสชาตก็พอกินได้  ออกเผ็ดนิดๆ ตามสไตส์แกงใต้
    


แมวตัวนี้สงสัยจะชอบรถเบนซ์ คันอื่นมีหลายคันไม่นั่ง ไม่รู้ฝากรอยไว้ด้วยหรือป่าว 555
    


หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ check out จากที่พัก แล้วเดินมาท่าเรือเดิม 650 เมตร 10 นาทีก็ถึงละ
    



มองจากบนสะพาน จะเห็นเรือจอดอยู่
    


มาถึงออฟฟิตแล้ว ก็แสดงใบยืนยันการจอง แล้วจะมีใบข้อตกลงให้เซ็นต์  (อ่านก่อนเซ็นต์ด้วยหละ)
    


หลังจากนั้นก็รับสน๊อกเกิล และผ้าเช็ดตัวจากพนักงาน  มีฟินให้เช่าด้วย 50 บาท 
    



โปรแกรมทัวร์ดำน้ำวันนี้ มีดังนี้ (ขอยืมรูปจากเวปของบริษัทหน่อยนะครับ ^^!)


จุดที่จะดำน้ำ มีดังนี้


เรือพาดำน้ำวันนี้ เป็นลำเดิมกับเรือตกหมึกเมื่อวาน (เพิ่มเติมคือมีกล้วย 555) เพราะวันนี้มีลูกทัวร์แค่ 10 คน เลยใช้เรือเล็กท้องเดียว ซึ่งจุได้สูงสุดถึง 70 คน (ก็ไม่เล็กนะ แต่ถ้าอยากไปเรือใหญ่ 2 ท้อง ควรเลือกมาวันเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงหยุดเทศกาล คนน่าจะเยอะกว่า)
    


8:45 เรือออกจากท่า ล่องไปตามคลองเดิมเหมือนเมื่อวานเพื่อออกสู่ปากน้ำ
    


พอออกสู่ทะเลแล้ว คลื่นลมวันนี้ค่อนข้างแรงพอสมควร 
    


ท้องฟ้าวันนี้ ขมุกขมัว เหมือนจะมีแดด แต่ก็ไม่มี  จะรอดมั๊ยเนี่ย >__<!!
    


ยิ่งออกไปไกล คลื่นยิ่งแรง  แต่ฟ้าก็ยังเปิดอยู่
    


มาส่องดูห้องกัปตันมั่ง  อ่าว กัปตันหายไปไหน ?!!
    


อ่อกัปตันไปเข้าห้องน้ำ  ดูท่ากัปตันคนนี้จะมากประสบการณ์เลยนะเนี่ย
    


เรือแล่นไปเรื่อยๆ  ไกด์บอกว่าไปเกาะที่ไกลที่สุดก่อน
    


เกาะแรด  เหมือนแรดนอนจริงด้วย
    


เรือแล่นมาได้ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงเกาะแรกที่จะดำน้ำคือเกาะละวะ
    



หลังทอดสมอแล้ว พนักงานก็เตรียมขึงเชือกสำหรับจับดำน้ำ  ระหว่างรอ พนักงานอีกคนก็สาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์  
    


ผมไม่เคยใช้สน๊อกเกิลมาก่อน ไม่เคยใส่ชูชีพลอยน้ำด้วย ลงน้ำตอนแรกก็ยังกลัวๆอยู่ ไม่กล้าปล่อยเชือกเลย หุๆ  ก็ใช้เวลาปรับตัวซักพักก็เริ่มชินละ ไม่ยากๆ  จุดนี้ น้ำไม่ค่อยใสเท่าไหร่  ไม่ค่อยเห็นอะไรเลย  เป็นการฝึกความเคยชินกับการใช้อุปกรณ์ดำน้ำมากกว่า
    


    Tip : ถ้าใส่สน๊อกเกิลควรฝึกหายใจทางปากเท่านั้น ถ้าหายใจทางจมูก จะทำให้กระจกเป็นฝ้า แล้วจะมองไม่เห็นอะไรเลย  
วิธีลดกระจกเป็นฝ้าคือก่อนลงน้ำ เอาสน๊อกเกิลไปจุ่มๆ ในน้ำทะเลก่อน  แล้วสะบัดๆให้น้ำออก เป็นการล้างทำความสะอาดด้วย จะทำให้กระจกใสแจ๋วเลย  และถ้ายังฝึกหายใจทางปากอย่างเดียวไม่ได้ ก็ใช้มือบีบจมูกไว้เลย จะช่วยได้ 

ใช้เวลาดำน้ำที่จุดแรกประมาณ 15 นาที  พอขึ้นเรือกำลังจะไปเกาะต่อไป  ท้องฟ้าก็มืดมาละ  *0*!!
    


เกาะที่ 2 ที่จะไป ก็มีฝนตก เลยข้ามไปเกาะที่ 3 เลย
    


เกาะที่ 3 ก็มีฝนอีก ประกอบกับเริ่มมีคนเมาเรือแล้ว  กัปตันเลยพาข้ามไปเกาะสุดท้ายเลย คือเกาะมาตรา ซึ่งเกาะนี้จะมีชายหาด ใครที่เมาเรือสามารถลงไปพักที่ชายหาดได้
    


มาถึงเกาะมาตราแล้ว  คลื่นน้อยลงหน่อย น่าจะโอนะ
    




แต่พอมาถึง  ฝนก็รินมาอีกแล้ว T_T
    


ระหว่างรอฝนหยุด ก็กินข้าวเที่ยงรอ  อาหารเที่ยงแบบง่ายๆ  แต่อร่อยมากกก  อยากกินเยอะๆ แต่ต้องห้ามใจ เพราะถ้าแน่นท้องมากเกินจะทำให้เมาเรืออ๊วกออกมา T_T
    


นั่งกินข้าวบนเรือ วิวทะเล 360 องศา  ฟินมากกก
    


พอกินข้าวเสร็จ แทนที่ฝนจะหยุดริน  แต่คราวนี้ พายุเทลงมาเลย *0*!!
    


ตกหนักมาจนต้องกางกันสาดลง  เมื่อไหร่จะหยุดเนี่ย
    


นั่งรอเปื่อยกันเกือบ 2 ชั่วโมง บ่ายโมงแล้ว ฝนยังไม่หยุดเลย  ไกด์เห็นแต่ละคนดูท่าจะไม่ไหว  เลยถามลูกทัวร์ว่าจะเอาไงกันดี  ถึงฝนจะตกแบบนี้ ก็ดำน้ำได้นะ ข้างใต้ใสอยู่  เมื่อกี้ไกด์ลองลงไปดำมาแล้ว   ลูกทัวร์ก็มองหน้ากัน ก็เออออว่ากลับกันเถอะ  ไกด์ก็ไล่ถามทีละคนว่าจะกลับเลย หรือจะลงดำ  ซึ่งทั้งลำบอกว่ากลับเถอะ คงดำไม่ไหวแล้ว  จนมาถึงผมคนสุดท้าย  นาทีนั้นนึกในใจ อุตส่าตั้งใจมาตั้งไกล ยังไม่ทันได้เห็นอะไรเลย เหมือนมาไม่ถึง อุตส่าเตรียมกล้องถ่ายใต้น้ำมาด้วย ยังไม่ได้รูปใต้น้ำสวยๆไปฝากเพื่อนๆชาว pantip เลย  ก็เลยตัดสินใจขัดมติเสียงส่วนมาก ขอไกด์ว่าขอลงดำดูซักครึ่งชั่วโมงละกันนะ  ซึ่งทั้งเรือก็โอเครอได้  ก็เลยรีบลงดำกับไกด์ทั้งๆที่ฝนยังตกๆนี่แหละ   โดยฝากกล้องให้ไกด์อีกคนช่วยดำลงไปถ่ายใต้น้ำให้  จะได้รูปสวยๆในเวลาจำกัด  ก็มีลูกทัวร์ 2-3 คนลงตามมาด้วย
    


แม้ฝนจะตก แต่ใต้น้ำยังใสอยู่เลย  พอดำน้ำ ก็แทบจะไม่รู้สึกว่าฝนตกอยู่เลย  รู้งี้ลงดำตั้งนานแล้ว  >__<!!
ไกด์จะให้เกาะห่วงยาง แล้วพาลากไป  สบายดี ไม่ต้องว่ายน้ำเอง  ว่ายเองอาจวนอยู่แถวนั้นไม่ได้ไปไหนก็ได้ 555
ใต้น้ำ สวยมากกกก  เคยเห็นแต่ในรูป  พอมาดูของจริง  ยิ่งใหญ่ และสวยกว่าที่คิดเยอะมากกก  ต้องดูด้วยตาตัวเองจริงๆ  



















ก่อนจะขึ้นเรือ  ไกด์ชวนให้ลองเล่นสไลเดอร์   ไม่เห็นมีใครเล่นเลย  อืม ... อุตส่ามาทั้งที ลองเล่นดูซักครั้งละกัน  กล้าๆกลัวๆ เพราะว่ายน้ำไม่
เป็นกลัวสไลด์ลงไปแล้วชูชีพหลุด จมน้ำไปทำไงเนี่ย  แต่เดี๋ยวไกด์คงงมขึ้นมาเองแหละ 555  ก็เลย สไลด์ลงไปเลย  
    

ตู๊ม!!!  น้ำเข้าปากเข้าจมูกหมด  พอๆๆ ทีเดียวเลิก 555  ทีหลังถ้าจะเล่น ต้องปิดจมูกด้วย น้ำจำได้ไม่เข้า

บ่ายโมงครึ่ง เรือก็หันหัวเดินทางกลับ  (ตามกำหนดการ ต้องกลับบ่าย 3 แอบเสียดายกลับก่อนตั้ง 2 ชั่วโมง T_T) 
ขากลับต้องฝ่าลมพายุคลื่นสูง 1-2 เมตรเลย โคลงเคลงมาก แทบอ๊วก
    

    

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง  กลับถึงฝั่งบ่ายสองกว่าๆ  โอย รอดแล้ววว

เสียดาย ตามโปรแกรมต้องได้ไป 4 เกาะ แต่ได้ไปแค่ 2 เกาะเอง แถมได้กลับก่อนเวลาตั้ง 2 ชั่วโมง  ดีนะที่ได้ดำน้ำเกาะสุดท้ายครึ่งชั่วโมง  ไม่งั้นคง fail สุดๆเลยอะนะ  อุตส่าเลือกช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ไม่น่าจะมีฝนแล้ว แต่ก็ดันโดนแจ๊คพอตพายุเข้าซะงั้น T_T  
ไว้คราวหน้าคงต้องมาซ่อมใหม่อีกรอบซะแล้ว

พอกลับถึงฝั่ง ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินทาง  ห้องอาบน้ำที่นี่อยู่ในห้องน้ำที่แยกชายหญิง มีแค่ห้องเดียวเอง  สภาพค่อนข้างสกปรก  
    

แถมห้องอาบน้ำ กับห้องส้วมอยู่ด้วยกันอีก  แบบนี้ใครที่ปวดหนักจะเข้าห้องน้ำ ก็ต้องรอคนอาบน้ำก่อน  แล้วถ้าวันไหนที่ลูกทัวร์เยอะๆ  ต้อง
ต่อคิวอาบน้ำยาวเลย   อันนี้ขอแนะนำให้บริษัทปรับปรุงเพิ่มห้องอาบน้ำเป็นอย่างยิ่งเลย  เศร้า
    
กว่าจะรอคิวอาบน้ำเสร็จ ก็ปาไปชั่วโมงนึงโชคดีที่วันนี้ไม่รีบ  และลูกทัวร์ท่านอื่นเอารถมาเอง  มีเพียงผมที่ใช้บริการรถไปส่งที่สถานีรถไฟ  ก็เลยไม่รีบมาก เสร็จเมื่อไหร่ ก็ออกรถเมื่อนั้น  

15:30 รถมาส่งที่สถานีรถไฟ  ในเมืองก็ฝนตกหนักเหมือนกัน  สภาพอากาศแย่มาก  ครึ้มมาเลย
    

ใช้บริการฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีรถไฟ กะว่าจะไปเดินเล่นในเมืองฆ่าเวลา  แต่ฝนเทลงมาอีกรอบ  เลยติดแหง๊กอยู่ที่สถานีรถไฟจนถึง 18:00  เลย -__-!

พอฝนหยุดแล้วเลยเดินออกไปหาของกินที่ตลาดโต้รุ่ง ที่อยู่ตรงข้ามห้างโอเชี่ยนที่มาเดินตอนขามา (ตลาดโต้รุ่งจะเริ่มตั้งร้านตอนเย็นๆ  ถ้ามาก่อนช่วงเย็นๆ จะเห็นเพียงถนนโล่งๆ)  ซึ่งเมนูเด็ดของที่นี่คือ ผัดไทย-หอยทอด มีตั้งเรียงรายกันเป็นพรืดเลย  ไม่รู้จะเข้าร้านไหนดี   ไกด์แนะนำว่าถ้าอยากลองแบบ original ก็ต้องร้านแม่แดง ร้านนี้
    

แต่ถ้าอร่อยๆ ก็ร้านน้องแจง  อยู่ร้านแรกสุดเลย  ซึ่งจริงๆที่เห็นหลายๆร้าน  ก็เป็นเครือญาติกันหมดอะแหละ  เลยลองชิมร้านน้องแจงดูละกัน
    

ผัดไทยรสกลมกล่อม ไม่ต้องปรุงก็ได้  อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ  ใช้ส้มนาวแทนมะนาวด้วย  เปรี้ยวปรี๊ดเลย
    

ไหนๆก็มาแล้ว ลองหอยทอดด้วยเลยละกัน  หอยทอดที่นี่จะทอดหอยกับแป้งจนกรอบ แล้วค่อยเอาไข่ลง  แปลกไปอีกแบบ  กรอบๆ อร่อยดี
    

กินๆอยุ่  ฝนเทลงมาอีกแล้ว  ดีที่ร้านถึงจะอยู่บนฟุตบาท แต่ก็มีหลังคาด้วยเลยไม่เปียก   ก็นั่งกินไปเรื่อยๆ รอฝนหยุด   แอบลุ้นว่าฝนจะหยุดก่อนเวลารถไฟออกทุ่มครึ่งดีมั๊ยเนี่ย  >_<!!
    

ฝนเริ่มซาๆ ตอนทุ่มนึง ยังรินอยู่นิดๆ แต่ไม่รอแล้ว ถ้าตกลงมาอีกหละแย่เลย  ก็เลยเดินฝ่าฝนไปรอรถไฟเลยดีกว่า

มาถึงสถานีรถไฟ มีฝรั่งมารอรถไฟเพียบเลย  คงมาจากเกาะเต่ากัน
    

ไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ มานั่งรอแป๊บนึง 19:36 รถไฟมาตรงเวลาเป๊ะเลย

    

ขากลับ ขบวน 174 เป็นตู้นอน ออกจากชุมพร 19:36 ถึงหัวลำโพง 05:10  ใช้เวลาเดินทาง 9.5 ชั่วโมงแหนะ นานกว่าขามาตั้ง 3.5 ชั่วโมงเลย ทั้งๆที่ระยะทางเท่ากัน -__-??
    
ขึ้นมาในโบกี้ ที่นอนถูกปูเรียบร้อยแล้ว พร้อมนอนได้เลย
    

มีปลั๊กไฟให้ชาร์ตแบตด้วย  คนนี้เอาปลั๊กสามตามาพ่วงเลยทีเดียว
    

ห้องน้ำบนรถไฟมีทั้งแบบชักโครก และนั่งยองๆเหมือนกัน จะหนักจะเบาก็ได้ไม่ต้องห่วง  แต่อย่าใช้ห้องน้ำตอนรถจอดอยุ่ที่สถานีละกัน 
    

เหนื่อยมาทั้งวัน  ถึงที่นอนก็หลับยาวจนถึงกรุงเทพเลย .....
    

     ปล. สำหรับคนที่ลงสถานีกลางทาง ไม่ต้องห่วงว่าจะตื่นไม่ทัน เพราะจะมีเจ้าหน้าที่รถไฟมาปลุกตอนใกล้จะถึงเอง  แต่ควรตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนก็ดี จะได้ไม่งัวเงีย ลืมของบนรถไฟ

สำหรับค่าใช้จ่ายในทริปนี้ มีดังนี้
- ค่ารถไฟ ไป-กลับ     510+670= 1,180 บาท
- ค่าทัวร์ดำน้ำ+ตกหมึก    999+900= 1,899 บาท
-ค่าที่พัก 1 คืน    550 บาท
- ค่าฝากกระเป๋า    20 บาท
- ค่าข้าวมื้อเช้า    40 บาท
- ค่าข้าวมื้อค่ำ(หอยทอด+ผัดไทย)    40+40=80 บาท

รวม   3,769 บาท

สำหรับทริปนี้ แม้จะเจออุปสรรคพายุเข้ากระทันหัน  แม้ว่าจะแพลนเลือกช่วงที่ไม่น่าจะมีพายุแล้ว 
แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้  ถึงจะได้ดำน้ำแค่แป๊บเดียว  แต่ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
ทั้งดำน้ำ และตกหมึก  ซึ่งจะหาซื้อหมึกสดๆขนาดนี้ตามตลาดคงไม่มีขายละ ถ้าอยากได้ ต้องไปคว้ามาเอง
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ที่เดินทางไม่เหนื่อยมาก และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เยอะมาก  เหมาะกับคนที่เวลาจำกัด และงบจำกัด
ไว้ถ้ามีโอกาส คราวหน้าคงต้องมาซ่อมใหม่อีกแน่ๆ  See you again ...



ปล. ขออภัยที่รูปไม่ค่อยสวย เพราะมือใหม่หัดถ่าย แถมตลอดทริป ท้องฟ้าอึมครึม สภาพแสงแย่มากเลย T__T
ที่มา Pantip
Cr. ShinchanX