ทุกคนเคยแชร์กระทู้ท่องเที่ยวที่ไหนสักที่แล้วมีเพื่อนบอกว่า"ไปด้วย"ป่ะ
แต่ส่วนมากมันจะไม่ไปกันจริงแต่เราแชร์ปุบมีเพื่อนบอก"ไป" แต่เราก็คิดว่าเพื่อนพูดเล่นๆ สรุปไปจริงจ้า เออออ!!คนจริงกับคนจริง...จะรออะไรละคะไปก็ไป
แต่ส่วนมากมันจะไม่ไปกันจริงแต่เราแชร์ปุบมีเพื่อนบอก"ไป" แต่เราก็คิดว่าเพื่อนพูดเล่นๆ สรุปไปจริงจ้า เออออ!!คนจริงกับคนจริง...จะรออะไรละคะไปก็ไป
เราสองคนวางแผนจะ Backpack กันไปอย่างซิวๆ
สโลแกน....ไปแบบยาจกกินอย่างราชา
เราเป็นคนชอบเดินทาง...แล้วก็ลิสต์รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปให้ได้ในไทย "ที ลอ ซู" ก็เป็นอีกหนึ่งในสถานที่นั้น
ทริปนี้เดินทางในวันที่ 18-21 มีนาคม 2559
เริ่มจากหาข้อมูลเกี่ยวกับที่พักการล่องเรือการเดินทางต่างๆซึ่งเราบอกเลยว่าเราหายาก ไม่ค่อยมีข้อมูลอีกทั้งเราก็ไปกันแค่สองคนทำให้ราคาแพ๊คเกจในการไปน้ำตกทีลอซูราคาแพงขึ้นไปอีกซึ่งเราโทรติดต่อไปหลายที่มากจนสุดท้ายก็ได้ที่พักและแพ๊คเกจที่เราสามารถสู้กับราคาได้เลยตกลงโทรจองทันทีค่ะ
พอจองที่พักอะไรเสร็จแล้วก้มาจองตั๋วรถทัวร์ เราจองของบขส กรุงเทพ-แม่สอด ในราคา 290 บาท ถ้าซึ้อไปกลับได้ส่วนรถ10%ด้วยนะ
ขาไป เวลา22.00 น.
ขากลับ เวลา 20.00 น.
เราเริ่มเดินทางในวันที่ 18 มีนาคม
รถทัวร์ที่เราเดินทางนั้นไม่มีห้องน้ำไม่มีคูปองอาหาร ก็เหมาะสมกับราคาที่เราได้มาพอรถออกบุปก็หลับปับ 5555
(แต่รถแวะให้เข้าห้องน้ำ กินข้าว ที่จุดแวะพักจังหวัดเพชรบุรีนะคะ)
ตื่นเช้ามาอีกที่ก็มาถึง บขส แม่สอดในเวลา 7 โมงเช้าของวันที่ 19 พอลงรถทัวร์เราก็เดินหารถสองแถวไปอุ้มผางต่อ เราก็เดินหาจนมาเจอรถสองแถวไปอุ้มผาง รถสีน้ำเงิน
ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ (ไม่ต้องบอกว่าชาติไหนนะคะ ฮาๆๆ)
นี้คือตารางเวลาเดินรถสองแถวของเส้นทาง แม่สอด-อุมผาง
ราคาค่ารถสองแถวแม่สอด-อุ้มผาง 150 บาทส่งถึงที่พักเลยค่ะ
เวลา7โมงครึ่งเกือบ8โมงแล้วก็ได้เวลามุ่งหน้าสู่อุ้มผาง น้าคนขับรถบอกให้เวลาเดินทาง 4-5 ชั่วโมง (แม่เจ้าาาาาานั่งกันไปยาววๆๆ)
ขณะที่รถจะมุ่งหน้าไปอุ้มผางนั้นน้าคนขับบ่นตลอดเวลาคือเขาจะรอรับผู้โดยสารให้ได้12คนแต่ตอนนี้ได้แค่11คน ซึ่งป้าที่ดูคิวแต่ไม่ยอมบอกให้ออก เราสองคนเลยเป็นผู้รองรับอารมณ์ในการโวยวายของแกตลอดเกือบเส้นทาง 5555
ขณะที่รถจะมุ่งหน้าไปอุ้มผางนั้นน้าคนขับบ่นตลอดเวลาคือเขาจะรอรับผู้โดยสารให้ได้12คนแต่ตอนนี้ได้แค่11คน ซึ่งป้าที่ดูคิวแต่ไม่ยอมบอกให้ออก เราสองคนเลยเป็นผู้รองรับอารมณ์ในการโวยวายของแกตลอดเกือบเส้นทาง 5555
แต่แกก็ใจดีแวะให้คนบนรถซื้อไก่ย่างวิเชียรบุรี แวะให้ซื้อน้ำมะพร้าว จอดให้เข้าห้องน้ำ แล้วคอยอธิบายให้ข้อมูลตลอดทั้งทาง(เราง่วงแต่ก็ต้องฟัง ฮาๆ) และให้เราชาร์จแบตโทรศัพท์อีกด้วย ขอกราบงามๆๆคะ
มุ่งหน้าสู่อุ้มผางกันเร็ว
เราด้วยความอ่อนเพียรจาการเดินทางก็หลับตลอดทั้งทาง ตื่นมากี่ทีก็ยังอยู่บนยอดเขาอยู่ดี 5555
เป็นศูนย์อบยพอุ้มเปี้ยม
คุณน้าที่ขับรถแกจอดและบีบแตรตลอดทั้งทางเพราะต้องการคนมาขึ้นรถแก แต่พอคนเยอะเกือบเต็มรถแกก็ไม่รับบอกว่าเต็มแล้ว เรายอมรับเลยแกอินดี้มากฮาๆๆๆ อีกทั้งแกก็ชวนเรากับเพื่อนคุยตลอดทั้งทางซึ่งพอพวกเราเผลอหลับแกก็เปิดเพลงซะดังลั่นรถ สรุปต้องแหกขี้ตาตื่นมาคุยกับแก คะได้คะน้าหนูไม่ง่วงเล๊ยยยยจริ๊งจริง -_- Zzzz
และแล้วเราก็มาถึงอุ้มผางในเวลาเกือบบ่ายโมง เสร็จแล้วก็เข้าไปที่พักล้างหน้าแปลงฟันอาบน้ำ คิดว่ากำลังจะนอนพี่ที่ที่พักก็เรียกไปกินข้าว เอิ่มมมมก็ได้ไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยมานอน คือมันเป็นการเดินทางที่โหดมากเลยที่เดียว นั่งรถตั่งแต่ 22.00 - 13.00 น. ระหว่างกินข้าวพี่อาร์ม(เจ้าของที่พัก)ก็บอกกับเราว่าเวลาห้าโมงเย็นจะพาไปเที่ยวรอบเมืองอุ้มผาง เราก็โอเคค่ะ แล้วก็กินข้าวเสร็จเราก็นอนพักผ่อนเพื่อจะได้ไปเที่ยวรอบเมืองอุ้มผาง
ที่พักของเรา
พอเย็นๆพี่อาร์มก็พาเราไปเที่ยวรอบเมืองอุ้มผางซึ่งไม่มีอะไรมากเมืองอุ้มผางเป็นเมืองเล็กๆถึงกับเล็กมากแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ธนาคาร เซเว่น แล้วพี่อาร์มก็เล่าถึงเรื่องต่างๆของอุ้มผางให้ฟังทำให้เรารู้ว่าที่ดินที่อุ้มผางแพงมากถึงมากที่สุด O_o!!
จุดวาปที่ 1
พี่อาร์มขับรถพามาจุดซื้อของฝากของที่ระลึกจะว่าเป็นแห่งเดียวของอุ้มผางก็ได้นั้นก็คือ"บ้านครูซัน" ครูซันผู้เป็นตำนานแห่งเมืองอุ้มผาง ขายของที่ระลึกและร้านกาแฟโกโก้อร่อยดีนะคะ
มาส่งโปสเตอร์กัน
จุดถ่ายรูปก็มีนะ...มีเยอะด้วย
และเราก็กลับที่พักพรุ่งนี้เช้าไปดอยหัวหมดกัน ขอนอนเก็บแรงแปบนะคะ
(รูปทั้งหมดถ่ายกับกล้องโทรศัพท์+เลนส์ Super Wide คะ)
เราหวังว่าข้อมูลการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเดินทางแบบ Backpack ไปตามความฝันที่จะพิชิตน้ำตกทีลอซู น้ำตกที่สวยที่สุดระดับ6ของโลก
จุดวาปที่ 2
"ดอยหัวหมด"
พี่อาร์มนัดให้เราเวลาประมาณตีห้าครึ่งเพื่อไปดอยหัวหมดสถานที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นของอุ้มผาง หน้าร้อนที่อุ้มผางตอนเช้าอากาศ 16 องศาเบาๆคะ
กินขนมนั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นกัน
ขึ้นมาแล้ว...นึกว่าจะไม่เห็นแล้วรอนานมาก
มาดูพระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตก
กลับไปกินข้าวเตรียมล่องแพมุ่งสู่น้ำตกทีลอซู
จุดวาปที่ 3
ล่องเรือยางต้นน้ำแม่กลอง
บรรยากาศสองข้างทาง เย็นสบาย น้ำใสและเย็นมาก เริ่มล่องเรือเวลาแปดโมงเช้า ลุงน้อย(คนพายเรือและไกด์นำทางผู้น่ารัก)
ล่องเรือยางต้นน้ำแม่กลอง
เราเตรียมตัวเพื่อไปล่องเรือยาง ตื่นเต้นมากจะได้เจอกันแล้วน้ำตกทีลอซู
บรรยากาศสองข้างทาง เย็นสบาย น้ำใสและเย็นมาก เริ่มล่องเรือเวลาแปดโมงเช้า ลุงน้อย(คนพายเรือและไกด์นำทางผู้น่ารัก)
พอเรามาฤดูแล้งน้ำน้อย ทำให้เราเห็นโขดหินที่เป็นประติมากรรมที่สวยงามเลยที่เดียว
มีน้ำตกมาจากภูเขาเป็นแนวยาวเกือบตลอดทางล่องเรือ
บรรยากาศระหว่างทางจะมีชาวบ้านมาหาของป่า หาปลา และส่วนใหญ่เป็นหน้าผา และมีต้นตะเคียนเยอะมากตลอดสองฝั่งระหว่างนั่งเรือ(ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ)
จุดวาปที่ 4
"เซเว่นป่า,บ่อน้ำร้อน"
ระหว่างเส้นทางล่องเรืออันแสนยาวนาน ก็จะมีจุดแวะพักที่ใครๆก็เรียกว่าเซเว่นป่า มีห้องน้ำ อาหารและเครื่องดื่มต่างๆค่อยให้บริการ อาทิ มาม่า น้ำเปล่า น้ำขิง ไข่ปิ้ง และยาดอง เป็นต้น และตรงจุดนี้ก็มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ลุงน้อยบอกน้ำที่ออกมาไม่ได้ร้อนแต่หินที่อยู่บริเวณนั้นร้อนจึงทำให้น้ำร้อนไปด้วย
"เซเว่นป่า,บ่อน้ำร้อน"
ระหว่างเส้นทางล่องเรืออันแสนยาวนาน ก็จะมีจุดแวะพักที่ใครๆก็เรียกว่าเซเว่นป่า มีห้องน้ำ อาหารและเครื่องดื่มต่างๆค่อยให้บริการ อาทิ มาม่า น้ำเปล่า น้ำขิง ไข่ปิ้ง และยาดอง เป็นต้น และตรงจุดนี้ก็มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ลุงน้อยบอกน้ำที่ออกมาไม่ได้ร้อนแต่หินที่อยู่บริเวณนั้นร้อนจึงทำให้น้ำร้อนไปด้วย
รับสักแก้วไหมคะ
แช่บ่อน้ำร้อน...ไม่มีกลิ่นกำมะถันคะ ธรรมชาติจริงๆ
จุดวาปที่4
"ผาเลือด"
เป็นจุดสิ้นสุดการล่องเรือ ใช้เวลาล่องเรือทั้งหมดประมาณ4ชั่วโมง ลุงน้อยบอกว่าถ้ามาช่วงน้ำเยอะใช้เวลาล่องเรือแปบเดียว และถ้ามาช่วงหน้าฝนช่วงที่ปิดไม่ให้รถขึ้นต้องล่องเรือต่อไปอีกจะมีจุดขึ้นรถอีกจุดที่เจ้าหน้าที่มารับ
จุดนี้ที่ตั้งชื่อว่าผาเลือด เพราะหน้าผาเป็นสีแดงเหมือนเลือด เป็นจุดที่แวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ มีร้านขายของชำเล็กๆอยู่ริมน้ำ จะเห็นวิวที่สวยคือนั่งกินข้าวเที่ยงริมหน้าผา ข้างล่างเป็นแม่น้ำกลอง เห็นน้ำใสๆ พร้อมอีกทั้งน้าที่ขายของยังเปิดเพลงสากลยุค เก่าๆอีกด้วย ฟินไปอีก
"ผาเลือด"
เป็นจุดสิ้นสุดการล่องเรือ ใช้เวลาล่องเรือทั้งหมดประมาณ4ชั่วโมง ลุงน้อยบอกว่าถ้ามาช่วงน้ำเยอะใช้เวลาล่องเรือแปบเดียว และถ้ามาช่วงหน้าฝนช่วงที่ปิดไม่ให้รถขึ้นต้องล่องเรือต่อไปอีกจะมีจุดขึ้นรถอีกจุดที่เจ้าหน้าที่มารับ
จุดนี้ที่ตั้งชื่อว่าผาเลือด เพราะหน้าผาเป็นสีแดงเหมือนเลือด เป็นจุดที่แวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ มีร้านขายของชำเล็กๆอยู่ริมน้ำ จะเห็นวิวที่สวยคือนั่งกินข้าวเที่ยงริมหน้าผา ข้างล่างเป็นแม่น้ำกลอง เห็นน้ำใสๆ พร้อมอีกทั้งน้าที่ขายของยังเปิดเพลงสากลยุค เก่าๆอีกด้วย ฟินไปอีก
ข้าวกล่องพี่อารืมห่อมาให้คะ
ที่นี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเพราะหิวข้าว ฮาๆๆๆ
ี่ที่มา Pantip