รีวิว ไปเที่ยวไหนมา : ไปเชียงใหม่ เชียงดาว และปาย มาจ้า เที่ยวหน้าฝน 6 วัน 5 คืน ไปคนเดียวแต่ไม่เหงา เพราะเรามีเพื่อน

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อกุ๊กนะครับ เคยทำกระทู้รีวิวมาบ้าง แต่ก็นานมากแล้ว วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวของผม เมื่อวันที่ 6-11 กรกฎาคม 2559 
          ไปเที่ยวไหนมา เป็นคำที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในที่ทำงานของผมมักจะทักทายเวลาเจอหน้ากันในวันทำงาน ก็เลยหยิบมาใช้ในหัวข้อกระทู้นะครับ 



ที่มาที่ไปของทริปนี้

          พอดีงานที่ทำโดนเลื่อนออกไปเลยทำให้มีวันหยุดเพิ่มก่อนถึงวันหยุดยาว เลยตัดสินใจหาที่เที่ยวสักที่หนึ่ง คิดไปคิดมาก็เชียงใหม่นี่แหละเหมาะสุด ว่าแล้วก็ดูราคาตั๋วซะเลย ผมใช้ Traveloka ในการจองตั๋วเพราะมีส่วนลดจากบัตรเครติตอีกนิดหน่อยครับ ได้สายการบิน ThaiLion Air มา ตั๋วไปกลับ ราคาประมาณ 1430 บาท 

ทำไมต้องเชียงใหม่ 

          ปกติก็มาเที่ยวเชียงใหม่บ่อยอยู่แล้วเพราะว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวและเทศกาลอยู่เรื่อยๆ อีกอย่างผมมีเพื่อนอยู่เชียงใหม่อยู่หลายคนด้วย จะได้อาศัยเพื่อนในการพาเที่ยว แต่ผมไม่เคยมาเชียงใหม่ในหน้าฝนมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ช่วงเดือนกรกฎาคมยังถือเป็นช่วง low season ที่เชียงใหม่ ที่พักต่างๆ ที่เคยจองยากในฤดูการท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาวก็มีให้เห็นในเว็ปจองที่พักทั่วไป แถมราคาก็รับได้ 

สถานที่ที่ตั้งใจว่าจะต้องไปเที่ยว

          ทริปนี้ใช้เวลาทั้งหมด 6 วัน 5 คืน แพลนเลยวางไว้แบบหลวมๆ ปรับเปลี่ยนได้ตลอดแล้วแต่สภาพอากาศ แต่ที่ตั้งใจไปจริงๆ ก็คือ 
              1. ไปถ่ายรูปที่บ้านระเบียงดาว ในอำเภอเชียงดาว โดยให้ด้านหลังมีหมอกไหลผ่านดอยหลวงเชียงดาวบางๆ  
              2. ไปนั่งพาราเพลน ที่อำเภอเชียงดาว เนื่องจากเพื่อนแท็กมาให้จากเพจ วิถีตากล้อง ใน Facebook 
              3. ไปถ่ายรูปนาขั้นบันได ที่กำลังเพิ่งปักกล้า ณ บ้านป่าบงเปียง ได้วิวท้องฟ้าสะท้อนน้ำในนาข้าว คงสวยน่าดู 
              4. ไปชิมกาแฟที่ร้านกาแฟตามเพจที่แชร์กันมาบ่อยๆ
              5. ไปพักโรงแรมที่อยากไป จากการดูกระทู้รีวิวใน Pantip นี่แหละครับ

ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทาง ผมเปิดจากโทรศัพท์มือถือนะครับ เข้า Google แล้วหาบางครั้งอาจจะพาไปที่ หน้าของ Facebook แล้วเข้า Google map เพื่อนำเส้นทางนะครับ / เกริ่นมายาวไปหน่อย เลื่อนลงไปชมต่อดีกว่าครับ


Day 1 ดอนเมือง-เชียงใหม่-Two gals and the pig boutique hostel-NVSC-ก๋วยเตี๋ยวเรือฮาร์เลย์ 

          เดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 13:00 น. ฝนก็เริ่มตั้งเค้าตั้งแต่ต้นทางแล้ว ถึงเชียงใหม่ประมาณบ่ายสองโมง วันนี้มีรุ่นน้องมารับไปส่งที่โรงแรม โดยที่พักในคืนแรกคือ Two gals and the pig boutique hostel โดยห้องที่ผมเลือกเป็นแบบ Single with private bathroom ได้มาจาก อโกด้า ในราคา 557.34 บาท โดยรวมแล้วห้องขนาดนี้เพียงพอสำหรับคนที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว และอยากได้ห้องพักแถวนิมมานเหมินทร์ โรงแรมตั้งอยู่ในซอยนิมมานเหมินทร์ 15 เข้ามาสุดซอยก็เจอเลยครับ 

ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าหนักๆ ให้ แต่จะมีขนมและน้ำบริการตลอดเวลาที่ด้านล่าง ใช้ชีวิตเหมือนไปบ้านเพื่อน มีตู้เย็น ไมโครเวฟ จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ บริการ ใครใช้เสร็จก็ล้างทำความสะอาดได้เลยครับ 




ในห้องมีมาม่าคัพ เผื่อใครจะหิวตอนดึก และมีไดร์เป่าผมให้ด้วยนะ



วางของในห้องเสร็จก็ออกไปเดินเล่นหาอะไรทำ นึกขึ้นได้ว่าเชียงใหม่มีร้านตัดผมที่ผมเคยตัดสาขาในกรุงเทพ เลยแวะไปตัดสาขาที่เชียงใหม่สักหน่อย ว่าแล้วก็ Google เลย ร้านตั้งอยู่ในนิมมานซอย 5 ครับ เดินมาไม่ไกล

ในที่สุดก็ตัดผม สมใจอยาก


ระหว่างตัดผมก็คุยกับพี่ช่างตัดผมไปเรื่อยๆ เนื่องจากเย็นแล้ว หิวครับ อยากกินอะไรสักเล็กน้อย พวกก๋วยเตี๋ยว พี่ช่างตัดผมแกก็เลยแนะนำมาร้านนี้ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือฮาร์เลย์ เดินออกมาหน้าปากซอย นิมมาน ซอย 5 เลี้ยวขวาแล้วมองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นป้ายร้านเลยครับ ร้านอยู่ตรงข้ามร้านกาแฟชื่อดังในเชียงใหม่ครับ ร้าน Ristr8to


และแล้วน้องฝนก็ตามมาจากกรุงเทพครับ เลยต้องเดินเปียกนิดหน่อยกลับโรงแรม ผมนัดเจอกับเพื่อนอีกคนตอนค่ำ เพราะเพื่อนคนนี้จะไปบ้านระเบียงดาวกับผมด้วย ทีแรกผมว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไปพรุ่งนี้เช้า เพราะเตรียมเสื้อแจ็คเก็ต ถุงมือ ผ้าปิดหน้าไว้แล้ว เพราะคิดว่าจะออกจากเชียงใหม่เช้าหน่อย ขี่มอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว สรุปว่าแผนเปลี่ยน ด้วยความที่ตามพยากรณ์อากาศแล้วฝนน่าจะตก เลยตัดสินใจเช่ารถแล้วหารกันให้เพื่อนขับไปแทน

ตัดผมแล้วก็ Selfy แล้วก็นอนพักเอาแรงซะหน่อย หมดไปแล้ววันแรกแบบสบายๆ 


Google : Two gals and the pig boutique hostel
           Never Say Cutz เชียงใหม่
           ก๋วยเตี๋ยวเรือฮาร์เลย์ เชียงใหม่


Day 2 SS1254372 Cafe-Anna Farm And Eatery-บ้านระเบียงดาว

สายของวันที่สอง หิวแล้วก็เลยไปหาอาหารเช้าทาน มาที่ SS1254372 Cafe ร้านที่ชื่อเรียกค่อนข้างจำยาก อยู่นิมมานซอย 17 เดินจากที่พักแป๊บเดียวถึงเลย ร้านเปิด 08:00-19:00 น. มีเซ็ตอาหารเช้า เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และกาแฟ
วันนี้ผมเลยจัด AVO Chicken กับ Berry Red รวมแล้วประมาณสองร้อยนิดๆ อิ่มสบายตัวไปรอเพื่อนที่โรงแรม 






ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 11:30 น. คุยกันว่าจะหาร้านกาแฟนั่งกันสักเล็กน้อยระหว่างทาง ได้เป้าหมายคือศาลากาแฟ ชื่อคุ้นเหมือนเคยเห็นตามรีวิว ก็เปิด Google map นำทางไป สุดท้ายไม่ได้ไปศาลากาแฟครับ เพราะป้ายของ ร้าน Anna Farm And Eatery ที่แปะควบคู่มากับศาลากาแฟเค้าสวยดี เลยลองหาข้อมูลแล้วก็เลยมาที่นี่ เพื่อมากินมื้อเที่ยงกันซะเลย 


Anna Farm And Eatery ร้านอาหารบรรยากาศดีมาก ตอนผมมาถึงยังไม่มีลูกค้าที่ห้องอาหารเลยครับ แต่น้องพนักงานต้อนรับเป็นอย่างดี และเมนูที่สั่งมาชิมคือ แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลู, เมี่ยงดาหลา เห็ดออรินจิทอดกรอบ แกงคั่วกับเมี่ยงดาหลานี่ชอบครับอร่อยดี 






ทานเสร็จก็เดินทางกันต่อไปที่บ้านระเบียงดาวครับ ใครไม่เคยมาสามารถพิมพ์ บ้านระเบียงดาว ในแผนที่ได้เลยนะครับ ผมก็มาตามทางนั้น ระหว่างทางน้องฝนก็ยังตามมาเรื่อยๆ แต่ก็เห็นนักท่องเที่ยวขี่มอเตอร์ไซค์กันมาได้ตลอดทาง ขี่ใส่เสื้อกันฝนมาเรื่อยๆ ไปเจอกันด้านบนหลายคนเลยทีเดียว เอาน่าบอกตัวเองไว้ว่าคราวต่อไปค่อยมาลองอันนี้ผมนึกในใจ 


เรามาถึงบ้านระเบียงดาวเอาประมาณบ่ายสามโมง มีฝนตกปรอยๆ เมฆหมอกขาวทั่วไปหมด มองไม่เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวเลยสักนิด มาถึงก็แจ้งเข้าพักและเพิ่มเพื่อนอีกคน จ่ายเพิ่มอีก 500 บาท ของผมโอนมาก่อนหน้านั้นแล้ว การมาพักที่บ้านระเบียงดาว หรือที่พักอื่นๆ แถวนี้คือต้องการเปลี่ยนสิ่งที่เราเคยเห็นไม่ว่าจะเป็นรถ ตึก หรือสิ่งต่างๆ ที่แปลกตาออกไป ที่พักราคา 500 ต่อคน ใครมาคนเดียวได้บ้านพัก 1 หลังไปเลยครับ รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า ส่วนเครื่องดื่มต่างๆ ก็มีขายข้างบนนี้ อาหารของที่นี่เป็นกับข้าวง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมาทานตรงนี้รึเปล่า มันเลยอร่อยกว่าที่เคยได้ทาน ยังไงลองมาสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ


ผมเคยมาที่นี่ตอนเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ยังประทับใจ แต่ไม่มีหมอกไหลผ่านเขา เลยตั้งใจกลับมาอีกในช่วงหน้าฝน แต่วันนี้สภาพอากาศไม่เป็นใจเท่าไร ไม่ว่าจะนั่งรอขนาดไหนก็ยังไม่เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว เลยคุยกับเพื่อนว่างั้นเราไปเดินเล่น สำรวจดูว่ามันต่างจากเมื่อคราวที่แล้วมากน้อยขนาดไหน ตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่บ้านระเบียงดาว บ้านสายหมอกและบ้านวิวดอยหลวงเหมือนตอนครั้งแรก ที่พักใหม่ๆ กำลังสร้างใกล้จะเสร็จ คิดว่าหน้าหนาวปีนี้ คงรองรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวได้มากขึ้น ว่าแล้วก็ไปสำรวจเก็บข้อมูลกันเผื่อใครมีแพลนจะมาเที่ยวกันนะครับ









ผมก็ถ่ายรูปป้ายของที่พักที่มีอยู่และกำลังจะเกิดใหม่เอาไว้เป็นข้อมูลเผื่อใครจะต้องการไปพัก เพิ่มเติมอีกหน่อยคือ บ้านลีซูโฮมสเตย์ ดอยหลวงเชียงดาว อันนี้ไม่มีป้าย ไม่มีเบอร์โทรติดไว้ แต่เขามีเบอร์ในเพจ Facebook  ครับ พิมพ์ตามนี้ได้เลย ผมว่าที่นี่ตอนหน้าหนาวน่าจะวิวสวยมากเหมือนกัน ถ้ากลับมาอีกจะมาพักที่นี่ 


สำรวจเสร็จก็กลับห้องนอนครับ พรุ่งนี้เตรียมออกแต่เช้ามืด เพราะจะไปขึ้นพาราเพลนครับ ติตต่อไว้เรียบร้อย ลุ้นเอาเองกับสภาพอากาศพรุ่งนี้เช้า

มาพักที่นี่อากาศค่อนข้างเย็น หาเสื้อคลุมมาด้วย ชุดอุปกรณ์อาบน้ำส่วนตัว ผ้าเช็ดตัวถ้าเอามาได้ (อันนี้ผมลืม) ไฟฉาย
ที่สำคัญ ยากันยุงเอามาเถอะ เพราะยุงเยอะมาก ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ที่บ้านระเบียงดาวนี้แทบจะไม่ค่อยมีเลย ผมใช้วิธีเดินไปทางบ้านสายหมอก และเดินหาไปเรื่อยๆ ครับมีสัญญาณครบทั้งสามค่าย แต่จะมากน้อยต้องเดินดูเอานะครับ ตอนเดินหาสัญญาณตอนกลางคืน พกไฟฉายไปด้วยและถ้าสังเกตดีๆ จะมีหิ่งห้อยอยู่จำนวนหนึ่งด้วย ขอให้เจอนะครับ

Google : SS1254372 Cafe
             Cafe-Anna Farm And Eatery
             บ้านระเบียงดาว
             บ้านลีซูโฮมสเตย์ ดอยหลวงเชียงดาว


Day 3 เชียงดาวฟลายอิ้ง พาราเพลน-สวนบัวชมพู ณ จอมคีรี-สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง-The Core Hotel

          ผมตื่นแต่เช้ามืด เสียงฝนยังคงตกอยู่กระทบหลังคา เวลาประมาณ 04:45 น. ใจจริงก็อยากนอนต่อเพียงแต่ว่ามีสิ่งที่ตั้งใจทำวันนี้คือการขึ้นพาราเพลน จึงต้องลุกมาอาบน้ำ ปลุกเพื่อนและเก็บของพร้อมออกเดินทาง ผมเจอข้อมูลเที่ยวเชียงดาว และพาราเพลนนี้จากเพจ วิถีตากล้อง ที่เพื่อนแท็กมาให้ และติดต่อที่จะขึ้นบินวันนี้ไว้เรียบร้อย นัดไว้ประมาณไม่เกิน 07:00 น. โดยยังไม่รู้ว่าจะได้บินหรือเปล่า
          05:30 น. ผมกับเพื่อนบอกลาบ้านระเบียงดาว แม้จะแอบเสียดายอาหารเช้า บอกพี่เจ้าของที่บ้านระเบียงดาวไว้ว่าจะไปขึ้นพาราเพลน ถ้าขึ้นไม่ได้จะกลับมาทานอาหารเช้าที่นี่และนั่งรอถ่ายรูปวิวของดอยหลวงอีกครั้ง ซึ่งพี่เจ้าของเขาก็ตกลงพร้อมอวยพรให้เราได้ขึ้นบิน
          ลงมาถึงที่ตัวอำเภอเชียงดาวและไปตามพิกัดของลานบินตามที่คุณโย (เชียงดาวฟลายอิ้ง พาราเพลน) แจ้งไว้ แวะซื้อไก่ทอดข้าวเหนียวระหว่างทางก่อนจะเข้ามาที่ลานบิน โดยสภาพอากาศที่ลานบินได้รับการแจ้งมาตลอดว่าอาจขึ้นบินไม่ได้ เพราะว่าเมฆฝนค่อนข้างหน้าแน่น และลมข้างบนค่อนข้างแรง แต่ก็นะ ไหนๆก็ลงมาแล้ว ไปที่สนามเลยแล้วกัน ผมไปถึงสนามตอนใกล้ 07:00 น. ท้องฟ้ายังหม่น ความหวังค่อนข้างริบหรี่ แต่ก็ต้องเข้าไปให้ถึง ทางเข้าสนามเป็นทางเดินรถของชาวบ้านที่นี่ เอารถยนต์เข้ามาได้ แต่ก็ต้องใช้ทักษะในการขับเล็กน้อย ซึ่งเพื่อนผมขับ ผมลุ้นอย่างเดียว 555 ถ้าเป็นรถกระบะที่ยกสูงจะสบายหน่อย และสุดท้ายก็มาถึงสนามจนได้


         คุณโยยืนยิ้มต้อนรับเราอยู่พร้อมแจ้งว่าวันนี้คงขึ้นบินไม่ได้ เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ เมฆฝนค่อนข้างเยอะ แถมลมด้านบนยังคงแรง สังเกตได้จากเมฆที่เคลื่อนค่อนข้างเร็ว ผิดหวังนิดหน่อยแต่มันเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมครับ คุณโยต้องพาผมขึ้นบินไปด้วยกัน ถ้าจะเสี่ยงก็ตัดสินใจไม่ขึ้นดีกว่า ผมกับเพื่อนเลยพูดคุยและถ่ายรูปเล่นแทน ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองสวมอุปกรณ์และถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ 




         สักพักก็ตัดสินใจกลับและแวะถ่ายรูปตามทุ่งนากันแก้เขิน โทรไปสอบถามบ้านระเบียงดาว ตอนนี้ข้างบนก็ยังคงมีฝนปรอยๆ หมอกยังคงหนา ไม่เห็นดอยหลวงเหมือนเดิม เราเลยไม่ได้กลับไปอีก 



    ออกมาจากลานบินของพาราเพลน เราไปแวะที่ สวนบัวชมพู ณ จอมคีรี มีป้ายบอกก่อนถึงลานบิน สวนบัวชมพูมีที่พัก คิดราคาหัวละ 500 บาทต่อคน ตอนนี้เห็นบ้านพักอยู่ 4 หลัง สอบถามคร่าวๆ ได้ข้อมูลมาว่าตอนนี้ในสวนมีปลูกผักและข้าวกล้องขายให้กับผู้มาเยี่ยมชม แต่ในหน้าหนาวอากาศที่นี่จะดีมาก มีลานกางเต็นท์ มองเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวจากที่นี่ แถมมีเตาบาร์บีคิวไว้ให้ทำปิ้งย่างกันอีก เลยขอแปะที่นี่ไว้ก่อน สำหรับคนที่สนใจจะบินพาราเพลน สามารถมานอนค้างที่นี่ได้แล้วเดินลัดเลาะไปตามคันนาเพื่อไปที่ลานบินแต่เช้าตรู่โดยไม่ต้องรีบมากนัก




    เราเดินทางกันต่อไปที่สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เพราะวัดถ้ำเชียงดาวเคยไปมาตั้งแต่รอบก่อน ใช้วิธีเดิมคือพิมพ์หาใน Google แล้วนำทางไปครับ ที่นี่เงียบสงบ จะเป็นที่สำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม แต่ก็ยังคงเปิดให้เข้าชมได้ ยังไงตามไปเรื่อยๆ นะครับ




    กลับจากเชียงดาวก็มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เข้าพักที่ The Core hotel โรงแรมสวย จากที่เคยเห็นรีวิวใน Pantip ผมจองผ่าน Traveloka รวมส่วนลดทั้งหมด 1335.86 บาท ไม่รวมอาหารเช้า ใครเดินทางคนเดียวแบบนี้คุ้มกว่า เพราะอาหารเช้าสามารถซื้อคูปองได้ในราคา 250 บาทต่อคน โรงแรมตั้งอยู่ตรงข้ามเยื้องๆ ม.เชียงใหม่ ด้านล่างและด้านข้างมีร้านกาแฟ เปิดตลอด 24 ชม. ร้านอาหารมีให้เลือกพร้อม ผมเปิดจาก Wongnai แล้วก็เดินไปหาอะไรทานเอาด้านนอก







    น้องฝนก็ยังตามผมมาในทุกๆ วัน ในช่วงเช้าอากาศดี ตอนสายก็แดดออกร้อนหน่อย พอหลังเที่ยงก็เริ่มครึ้มและฝนตกในตอนเย็น วันนี้พักชาร์จแบตโหลดรูป เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม นอนให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะเดินทางไปเที่ยวต่อกันที่ปายครับ


Google : เชียงดาวฟลายอิ้ง พาราเพลน
           สวนบัวชมพู ณ จอมคีรี
           สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง
           The Core Hotel


Day 4 ห้วยน้ำดัง-ปาย-บ้านโชคดี ปาย รีสอร์ท

    จริงๆ แล้ววันนี้ตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปนาขั้นบันไดที่มีกล้าเพิ่งปักเสร็จ มีเงาของท้องฟ้าสะท้อนในนาข้าวเหมือนรูปถ่ายที่เคยเห็นในเพจต่างๆ แต่ว่าช่วงที่ผมไปเชียงใหม่ฝนตกมาก แถมตอนไปเชียงดาวผ่านแม่ริมแม่แตง ไม่มีที่ไหนเขาปักกล้าดำนากันสักที่ คุยกับรุ่นน้องที่จะพาผมเที่ยวเลยเปลี่ยนแผน และตัดสินใจมุ่งหน้ากันไปที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนแทน วันนี้ให้น้องเขาเป็นคนจัดทริปทั้งหมดครับ เที่ยวตามเจ้าของพื้นที่แบบสบายๆ

    เดินทางจากเชียงใหม่ไปปายนั้น คร่าวๆ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า แต่คณะเราไม่รีบมาก แวะเข้าปั๊มเตรียมเสบียงตลอด เส้นทางการขับนี่ก็คดเคี้ยวพอสมควร แต่ตอนนี้ถนนดีมากแล้ว ผมเคยมาที่ปายเมื่อ 5 ปีก่อนสมัยที่ปายดังสุดขีด อยากจะรู้จังว่าตอนนี้ปายจะเป็นยังไงบ้างน้า

    เส้นทางจากเชียงใหม่มาปายต้องผ่านอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตรงจุดชมวิวดอยกิ่วลม แหล่งท่องเที่ยวและชมวิวที่ในหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมไม่ขาด วันนี้เราตัดสินใจไปลุ้นหมอกลอยเบาๆ ครับ แต่น้องฝนก็ยังตามติดเราไปเรื่อยๆ ขนาดพี่เจ้าหน้าที่ที่เก็บค่าเข้าชมยังบอกเลยว่าไม่เห็นวิวอะไรนะ จะเข้าไปเหรอ พวกเราก็เข้าครับ ค่าเข้าชมคนละ 50 บาทนะครับ
    ถึงที่ปุ๊บ วิ่งกางร่มฝ่าสายฝนไปเข้าห้องน้ำทันที เมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวผ่านเราไป คิดในใจ แวะมาเข้าห้องน้ำพักรถสักครู่ เดี๋ยวคงกลับออกไป แต่แค่แป๊บเดียวน้องฝนก็เป็นใจหนีไปรอที่ปายก่อน ปล่อยน้องหมอกอยู่กับเราอย่างเดียว หลังจากนั้นก็วิ่งหามุมถ่ายรูปกันครับ เพราะแค่พวกผมเท่านั้นที่เป็นนักท่องเที่ยวตอนนี้ 

    

รูปนี้คิดอะไรไม่ออก ตากล้องบอก งั้นกระโดดเลยพี่ ขอบคุณตากล้องครับ ^^


    เราอยู่กันประมาณครึ่งชั่งโมงก็มุ่งหน้าไปสู่ อ.ปาย อันดับแรกก็ต้องแวะถ่ายรูปกับสะพานประวัติศาสตร์ปายก่อนครับ ฝั่งตรงข้ามจะมีร้านกาแฟที่นักท่องเที่ยวแวะเข้ามาถ่ายรูปนะครับ แต่พอดีน้องฝนมาเยือนเลยต้องรีบเก็บกล้อง ขึ้นรถมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก 



อันนี้ตากล้องบังคับให้ทำจริงๆ ครับ ^^


    ที่พักวันนี้เราพักที่ บ้านโชคดี ปาย รีสอร์ท เพราะน้องสองคนนี้เขาเคยมาพัก walk in เลยครับไม่ได้จองล่วงหน้า ราคา 700 บาท เหลือห้องว่างอยู่สองห้องพอดี ผมเข้ามาอยู่ห้องด้านท้ายของรีสอร์ท ส่วนน้องๆ พักเป็นห้องปูนชั้นเดียวอยู่โซนด้านหน้า พอดีถ่ายรูปมาแต่ห้องตัวเองนะครับ


    
    หลังจากพักเหนื่อยกันสักครู่ ประมาณห้าโมงเย็นเราก็ขับรถเข้ามาจอดเพื่อหาอะไรทานกันง่ายๆ ก็ใช้มุขเดิม เปิดจาก Wongnai ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อร้านน้องเปียครับ อยู่ตรงสี่แยกปายหนาว จากนั้นก็เดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานไม้และถนนคนเดินกันเพราะวันนี้วันเสาร์ 


    การได้มาเที่ยวปายอีกครั้ง หลังจากเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งเป็นยุคที่ปายดังสุดๆ มาวันนี้มันแตกต่างครับ นักท่องเที่ยวคนไทยน้อยลงไปเยอะมาก แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยอะขึ้น ในส่วนตัวผมคิดว่าปายยังน่ามาเที่ยวพักผ่อนเหมือนเดิมนะ ดูไม่วุ่นวาย ดูแล้วไม่รีบ เดินแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศ โดยที่มีคนขายของกับนักท่องเที่ยวชาวไทยอันน้อยนิดอย่างเรา ใครที่ยังไม่เคยมาปาย ลองหาโอกาสมาเที่ยวสักครั้งนะครับ ส่วนใครที่เคยมาเมื่อยุคเดียวกับผม ลองมาสัมผัสปายในอีกบรรยากาศหนึ่ง คุณอาจจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนวันเก่าๆ แต่แค่อายุเราไม่เหมือนเดิมแล้วเท่านั้นเองครับ ^_____^






    เดินเล่นกันตั้งแต่เย็นจนค่ำ ก่อนกลับเราก็แวะกินกันก่อนนอนอีกครั้ง กลับไปจะได้ไม่ตื่นมาหิว 



        อากาศดี สถานที่ที่คุ้นเคย แม้สภาพแวดล้อมของปายจะเปลี่ยนไป ผมก็ยังเชื่อว่าปายยังเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่อยากมาสัมผัสธรรมชาติที่นี่ วันนี้ทั้งอิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ ขอลาไปนอนก่อนนะครับ 


Google : อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง 
         จุดชมวิวดอยกิ่วลม
         บ้านโชคดี ปาย รีสอร์ท


Day 5 ทะเลหมอกหยุนไหล-Chic39-Chalnatt Hotel

    ตื่นทักทายปายในช่วงสายครับ อากาศเย็นสบายมาก แม้จะยังอยากนอนต่ออีกนิด แต่ก็ต้องลุกอาบน้ำแล้วครับ เราเช็คเอาท์จากบ้านโชคดีประมาณ 9 โมงเช้า แล้วไปทานอาหารเช้ากันที่สี่แยกปายหนาวที่เดิมแต่คนละร้านกับเมื่อวาน ชื่อร้าน Madame Ju Coffee ผมสั่งข้าวต้มหมูเมนูง่ายๆ ส่วนน้องสั่งอย่างอื่น ระหว่างรออาหารก็ถ่ายรูปเล่น


          หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่จุดชมทะเลหมอกหยุนไหลเพื่อถ่ายรูป ผ่านหมู่บ้านสันติชล ซึ่งเมื่อก่อนจะคึกคักมีคนมาทานอาหาร มาถ่ายรูปเยอะมาก แต่ตอนนี้เงียบเหงา ผมผ่านบ้านสันติชลแล้วนึกภาพเมื่อ 5 ปีก่อนอยู่ในใจ 

          รุ่นน้องขับรถขึ้นเนินผ่านหมู่บ้านมาจนถึงด้านบน เราแวะที่จุดแรกเป็นที่ตั้งของร้านอาหารร้านหนึ่ง เห็นวิวสวยเลยแวะถ่ายรูปก่อน เพราะคิดว่านี่คือจุดชมทะเลหมอก /คิดเอาเอง 555


รูปนี้ให้สร้างภาพ 


วิวด้านหน้าเป็นหมู่บ้านส่วนด้านหลังก็เป็นภูเขาอีก
    

     จนกระทั่งเห็นป้ายว่าต้องไปต่ออีกนึด มิน่าทำไมคนอื่นเขาไม่แวะจุดที่เราถ่ายรูปกันอยู่เลย ขับรถขึ้นเนินไปอีก พอไปถึงก็จะมีลานจอดรถ แล้วทางเดินขึ้นไปชมวิว เสียค่าเข้าไปนั่งชมคนละ 20 บาทก็จะได้ดื่มน้ำชา 1 ชุด พร้อมกล้วยด้วย ถ่ายรูปได้ไม่ถึง 5 นาที น้องฝนก็มาทักทายอย่างหนักเลยต้องหลบน้องฝนซะ เสียดายที่ดันไปเสียเวลาตรงจุดแรกซะนาน





ฝนตกก็ยังจะถ่ายรูป





        รออยู่นาน น้องฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะซา เลยต้องวิ่งลงมาที่รถเพื่อที่ขับจะกลับเชียงใหม่ ใครมาที่ปายส่วนใหญ่ก็จะต้องแวะซื้อกาแฟที่ Coffee in love ตอนผมไปถึงลูกค้าเยอะมาก และฝนหนักมาก ได้มารูปเดียวจริงๆ ครับ


    ระหว่างทางน้องฝนก็แวะมาทักทายเราเป็นระยะ สงสัยจะกลับไปรอเราที่เชียงใหม่แน่ๆ 


    ก่อนถึงตัวเมืองเชียงใหม่เราแวะร้านอาหารชื่อ ร้าน Chic 39 อันนี้น้องเขาแนะนำเพราะเคยมาทานแล้ว ผมลองเข้าไปดู ทางร้านมี Facebook ด้วยนะครับ ลองหาดูได้เลย ผมไปถึงน้องฝนมารออยู่แล้ว เปียกอีกตามเคย ในร้านลูกค้าเยอะพอสมควร แต่พอดีได้โต๊ะเพราะลูกค้าเพิ่งเช็คบิลไป สั่งด้วยความหิว แต่ก็ยังมีสติ ได้มาเท่านี้ครับ สเต็กปลาแซลมอน สปาเกตตีปลาสลิดทอดกรอบ พิซซ่า และเมนูสุดท้ายเป็นน้ำตกหมูคุโรบุตะ รสชาติอาหารอร่อยครับ รอไม่นานมาก กำลังพอดี ที่นี่เขามีห้องพักด้วยนะครับ แต่ไม่ได้ถามราคามา ถ้าจะมาพักที่นี่ คงต้องมีรถส่วนตัวครับ เพราะขับรถเข้ามาทานอาหารยังรู้สึกว่าอยู่ลึกไปนิดหนึ่ง ใครเคยไปพักแล้วเป็นยังไงมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ





    ระหว่างทางที่จะมาถึงเชียงใหม่ก็เข้าไปดู Facebook ของเชียงดาวฟลายอิ้ง พาราเพลน หลังจากวันที่ผมไปนั้น เขาบินขึ้นได้กันทุกวัน มีผมโชคร้ายอยู่คนเดียว ทีแรกว่าจะตัดใจแล้วนะ สุดท้ายก็ลองส่งข้อความไปหาคุณโยอีกที คุณโยบอกว่าพรุ่งนี้ยังไม่มีคนจองขึ้นบิน อาจเป็นเพราะเป็นวันจันทร์ ผมเลยขอนัดคุณโยเช้าวันรุ่งขึ้น นัดไว้ลุ้นเผื่อขึ้นได้ นัดกันเวลาเดิมคือไปถึงสนามตอนไม่เกิน 07:00 น. แต่จะบินได้หรือไม่ได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่ผมต้องออกจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้ามืด คุณโยเลยบอกว่าให้ออกมาก่อน 05:00 น. คุณโยจะบอกว่าที่เชียงดาวฝนตกรึเปล่า เรานัดกันแค่นั้น

    พวกเรามาถึงเชียงใหม่กันช่วงเย็นแล้วครับผมก็ให้น้องเขามาส่งที่นิมมานเหมินทร์ซอย 11 วันนี้ผมพักที่ Chalnatt Hotel สองโรงแรมในเชียงใหม่ก่อนหน้านี้ ทั้ง Two gals and the pig boutique hostel and The Core hotel เป็นโรงแรมที่เห็นเพื่อนๆ มารีวิวใน Pantip แล้วสนใจเลยอยากไปพัก แต่สำหรับ Chalnatt Hotel เป็นโรงแรมที่ผมเคยมาพักแล้วประทับใจมากเลยอยากกลับมาที่โรงแรมนี้อีก ผมจองโรงแรม ผ่าน Traveloka app พร้อมใช้โค้ดส่วนลดได้มาในราคา 1079  บาทครับ โรงแรมเป็นโรงแรมขนาดเล็กอยู่ในนิมมาน ซอย 11 

ส่วนของล็อบบี้ และที่นั่งทานอาหารเช้าครับ

ในส่วนของห้องนอนครับ วันนี้ได้ห้อง 401 ชั้น 4 ไม่มีลิฟต์แต่เดินสบายครับ ห้องนี้เปิดหน้าต่างไปจะมองเห็นวิวดอยสุเทพครับ แต่ก็จะเห็นยอดตึกฝั่งตรงข้ามด้วยเช่นกัน




        ชื่อโรงแรมมาจากเจ้าของทั้งสองคนซึ่งเป็นคู่รักมาเปิดกิจการโรงแรมที่เชียงใหม่ ผมประทับใจทั้งเรื่องราวความเป็นมาของโรงแรมนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาพัก รวมทั้ง เป็นโรงแรมไม่ใหญ่มาก เงียบ สงบแต่อยู่ในนิมมาน สะดวกเวลาหาของกินด้วย การตกแต่งห้องพักของโรงแรมนั้นผมไม่แน่ใจว่าแต่ละห้องทำมาไม่เหมือนกันรึเปล่าเพราะครั้งแรกกับครั้งนี้ก็ตกแต่งต่างกัน แต่ถ่ายรูปออกมาสวยดีครับ ใครมองหาโรงแรมแถวนิมมาน ราคาเป็นมิตร ห้องพัก รวมทั้งตรงบิเวณส่วนต้อนรับสวย ถ่ายรูปได้ดี มีอาหารเช้าอร่อยด้วยนะครับ อ่อ สำหรับคนที่ขับรถยนต์มา ผมยังไม่เห็นที่จอดรถแถวหน้าโรงแรมนะครับ ยังไงลองสอบถามไปทาง Facebook ของโรงแรมได้ อีกนิดคือสำหรับผู้พักชั้นบนๆ อาจจะต้องออกกำลังกายกันซักนิดนะครับ ผมกระเป๋าไม่หนักมาก พักชั้นสี่ เดินไหวครับผม  ^^



          สำหรับเตรียมไปเชียงดาววันรุ่งขึ้น ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์ Honda Click 125i จากร้าน BikkyChiangmai โทรไปที่ร้านแล้วให้ร้านถามรถที่จะสามารถขี่ไปที่ อ.เชียงดาว ที่ร้านนี้ถ้าเข้าไปในเว็ปไซต์ของทางร้านจะมีให้สมัครลงทะเบียนไว้ แล้วจะได้รับส่วนลดค่าเช่ามอเตอร์ไซค์วันละ 25 บาท รุ่น Honda Click 125i ที่ผมเช่าปกติราคา 300 บาท ลดเหลือ 275 บาท จริงๆ เขาให้หมวกกันน็อคแบบครึ่งใบแถมมาด้วยแต่ผมขอเปลี่ยนเป็นเช่าหมวกแบบเต็มใบ ร้านคิดค่าเช่าเพิ่มวันละ 50 บาท ก็นัดกับที่ร้านได้เลยว่าเราจะให้เขามาส่งรถที่โรงแรม และจะคืนรถในวันพรุ่งนี้ที่สนามบิน ตรงนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก จำไม่ได้ว่า 50 บาทรึเปล่า ยังไงสอบถามอีกทีนะครับ ข้อดีอีกข้อหนึ่งคือ ทางร้านให้เช่าแบบ 24 ชม. คือรับรถตอนห้าโมงเย็นวันนี้ คืนรถไม่เกินห้าโมงเย็นของวันถัดไป พนักงานที่มาส่งรถจะเอาสัญญาเช่ามาให้เซ็นและขอบัตรประชาชนเราไป แล้วคืนให้ตอนคืนรถ ยังไงสอบถามเรื่องต้องการให้เป็นสำเนาบัตรดูอีกทีนะครับเผื่อบางคนไม่สะดวก หลังจากเช็คสภาพรถเสร็จพนักงานจะขอถ่ายรูปเรายืนคู่กับรถด้วยนะครับ น้ำมันจะติดมาไม่มาก แค่ขีดเดียวต้องขี่ไปเติมเอาเพิ่มครับผม ^^


Google : จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล
              บ้านสันติชล
              Coffee in love Pai
              Chic39
              Chalnatt Hotel
              BikkyChiangmai


Day 6 เชียงดาวฟลายอิ้ง พาราเพลน(อะเกน)-Chalnatt Hotel-สนามบินเชียงใหม่-สนามบินดอนเมือง

    เสียงนาฬิกาปลุกดังตอน 04:00 น. ถึงจะยังง่วงอยู่แต่ยังไงวันนี้ต้องลุกอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูป เสื้อแจ็กเก็ต ถุงมือสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์ เสื้อคลุมกันฝน เตรียมตัวเดินทาง (เตรียมพร้อมมาจากกรุงเทพเลยทีเดียว) 04:20 น. คุณโยส่งข้อความมาบอกว่าที่เชียงดาวฝนไม่ตก แต่ยังไม่มีแสง ยังมองไม่เห็นลักษณะเมฆ แต่โชคดีตรงลมสงบ ให้ออกมาก่อนได้เลย 04:40 น. ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากโรงแรมไปตามเส้นทางที่เปิดจาก Google map ไปที่สนามพาราเพลนที่คุณโยส่งมาให้ โดยใช้เวลาตาม Google map คำนวณไว้ให้ประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 37 นาที ซึ่งผมคงใช้เวลานานกว่านั้น 
    เส้นทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อที่จะไป อ.เชียงดาวนั้น ผมต้องคอยจอดดูก่อนจะถึงสี่แยก กลัวเลี้ยวผิด พอผ่านแยกต่างๆ จนในแผนที่บอกวิ่งตรงเป็นระยะทางยาว หลังจากนั้นก็ทำความเร็วได้ดีขึ้น ถนนดีมากครับขี่มาได้สบายๆ จนกระทั่งมาเจอเส้นทางระหว่างเขา อันนี้ต้องค่อยๆ มาครับเพราะไม่ชินทั้งรถและทางโค้ง จนผ่านมาได้แบบปลอดภัย พอเวลาจอดดูแผนที่ ผมก็จะคอยเช็คข้อความเป็นระยะ 05:50 น. คุณโยเตรียมการอยู่ที่สนามเรียบร้อย พร้อมถ่ายก้อนเมฆมาให้ดู พร้อมกับพูดว่า มืดมากๆ 55 ผมนี่เหลืออีก 5 กิโลเมตรจะถึงสนาม ได้แต่ทำใจ เพราะบริเวณนี้ก็ครึ้มๆ แต่ไม่มากเหมือนคราวที่แล้ว 
    ผมถึงสนามประมาณ 06:35 น. เพระาทางเข้าสนามเป็นคันนาและมีน้ำขัง ต้องค่อยๆ ขี่เพราะกลัวล้ม พอมาถึงเราก็คุยกันเรื่องสภาพอากาศ พอเริ่มสว่างขึ้น มันก็พอจะเห็นเค้าลางในการบินมากขึ้น ดีใจมากครับที่คุณโยบอกอย่างนั้น

    เรามีการคุยกันถึงเรื่องความปลอดภัยในการขึ้นบินตั้งแต่คราวแรกที่มาแล้วแต่ไม่ได้ขึ้นบิน และวันนี้มาทบทวน ผมต้องเซ็นเอกสารยินยอมในการขึ้นบินและให้สำเนาบัตรประชาชนไว้แนบเป็นหลักฐานเพิ่มเติม เราก็เช็ควิทยุสื่อสารและทดสอบเรียบร้อย คุณโยแยกไปเตรียมการ ส่วนผมก็เตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพ 

         07:06 น. เราก็ขึ้นบินครับ ถามว่าเกร็งไหม บอกเลยว่ามากกก ผมนี่ลืมยกกล้องมาถ่ายตอนขึ้นเลยครับ พอขึ้นไปได้ซักแป๊บ ถึงตั้งสติได้เลยเริ่มเปิดกล้อง ไปชมวิวข้างบนกันเลยครับ



เริ่มบินสูงขึ้นไปอยู่เหนือก้อนเมฆแล้วครับและวิวด้านหน้าคือดอยหลวงเชียงดาวครับ

ถ่ายรูปวิวด้านบนก้อนเมฆไปเรื่อยๆ

หลังจากหายตื่นเต้นก็ได้เวลา Selfy บ้างครับ


เส้นทางการบินในวันนั้นครับจาก GPS นำไปติดตั้งกับพาราเพลนด้วย โดยผมบินทั้งหมด 45 นาที พอหายตื่นเต้นก็ลองยกขาดูบ้าง 55

เราบินกันเพลินมากครับ หลังๆ มาผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไร ได้แต่ใช้ตามองเก็บภาพเอา สูดกลิ่นเมฆสดชื่นๆ ด้านบน จนกระทั่งคุณโยให้สัญญาณบอกมาทางวิทยุว่ากำลังเตรียมตัวบินลง ถึงได้เปิดกล้องอีกครั้ง 

ตอนลงนี่ตื่นเต้นกว่าตอนขึ้นอีกครับ เพราะเราจะเห็นวิวทุ่งนาอยู่ด้านล่างใกล้ขึ้น คุณโยบินวนมาผ่านสนามเพื่อดูทิศทางลม จากตัววัดทิศทางลมที่สนามก่อนเพื่อจะกำหนดทิศทางลงว่าลงฝั่งไหน ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าแกจะเร่งเครื่องขึ้นอีก เร็วไปอี๊กก 


ตัดภาพกลับมาด้านล่างเลยครับ เราลงจอดอย่างปลอดภัยและนิ่มมาก โล่ง 555 ถามว่ามึนไหม ก็ไม่นะครับแค่ยังเกร็งๆ อยู่นิดหน่อยเพราะตอนจะลงจอดนี่แหละ 



           
           ใครสนใจรายละเอียดก็เข้าไปคุยกับคุณโยได้ที่ Facebook : เชียงดาวฟลายอิ้งพาราเพลน เลยครับ ถ้าไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง คุณโยเขามีกล้องขอภาพเขาทีหลังได้ครับ ใครมีแค่กล้องจากโทรศัพท์มือถือก็ถ่ายได้ครับแต่แค่ต้องหาอุปกรณ์ยึดและคล้องข้อมือไว้กันตกแล้วกันครับ ไม่งั้นก็จับยึดแน่นๆ      

           หลังจากนั้นก็พักดื่มกาแฟซองที่คุณโยเตรียมไว้พร้อมขนมขบเคี้ยวสักนิด คุณโยบอกว่าโชคดีมากเพราะเมฆหนาและบินได้ดีมาก หลังจากนั้นผมก็ลากลับครับตอนนั้นก็แปดโมงกว่าแล้ว กะว่าจะไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม พอเกือบ 9:30 น. เลยติดต่อโรงแรมว่าออกมานอกเมืองแล้วน่าจะกลับไปถึงโรงแรมประมาณ 10:30 น. (ปกติอาหารเช้าจะให้บริการถึง 10:00 น.) จะขอให้ทำอาหารเช้าไว้ให้ชุดหนึ่ง ทางโรงแรมใจดีมากๆ ครับ แต่ก็บอกว่าอาจจะไม่ร้อนเท่าไร ซึ่งผมก็โอเคครับ

          อาหารเช้าของ Chalnatt Hotel นี่ไม่อยากพลาดเลยจริงๆ ครับ แต่จริงๆ ก็ยังอุ่นๆ อยู่นะครับ




           หลังจากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำ เก็บของและลงมาเช็คเอาท์ เกือบๆ เที่ยงครับ ทีแรกว่าจะไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นแต่ฝนตกครับ แล้วก็เหมือนจะเพลียนิดหน่อย เลยนั่งเล่นอยู่ที่ล็อบบี้และถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ 


           พอฝนหยุดก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่สนามบินเลยครับ เปิดนำทางจาก Google Map โทรหา Bikkychiangmai เพื่อนัดจุดส่งรถที่สนามบิน หลังจากนั้นก็เข้าไปรอเช็คอินเพื่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพครับ
           ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่ติดตามอ่านจนถึงตอนสุดท้ายนะครับ หวังว่าจะพอเป็นข้อมูล หรือแนวทางในการท่องเที่ยวได้บ้างไม่มากก็น้อย ใครมีอะไรจะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับทริปนี้ หรือมีข้อแนะนำ ก็คอมเมนต์ได้เลย หรือหลังไมค์มาก็ได้ครับผม
           สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 555 ผมทำคลิปสั้นๆ ตอนบินพาราเพลนมาด้วย กดเข้าไปดูได้เลยครับ


จนกว่าจะเที่ยวกันใหม่ แล้วไว้จะมาเล่าให้ฟังครับว่า "ไปเที่ยวไหนมา"

ที่มา Pantip
Cr. Akarino