เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในระหว่างที่สำรวจเรื่องชาวบ้านบน facebook timeline อยู่ตามปกติ ก็พลันเห็นภาพอ่าวพังงาจากมุมสูง คล้าย ๆ กับที่เคยเห็นเวลาททท. หรือบริษัทท่องเที่ยวนำไปโปรโมท และคิดเสมอว่าคงจะมีโอกาสเห็นมุมแบบนั้นก็ตอนนั่งเครื่องบินมาลงภูเก็ตเท่านั้นแหละ ... แต่เอ๊ะ! นี่มันไม่ใช่นี่นา มันมี “ทางช้างเผือก” ในภาพด้วย ไล่กดดูภาพในอัลบัมไปเรื่อย ๆ .. โอ้ย! สวยจริง ๆ (โว้ย) พอได้อ่านข้อมูลจึงทราบว่า ที่นี่คือจุดชมวิว Unseen แห่งใหม่ของพังงาที่ชื่อ “เสม็ดนางชี” ซึ่งเปิดให้เข้าชมได้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ก.พ. 59 นี่เอง ... ผมไม่รอช้ารีบวางแผนเดินทางไปถ่ายภาพในทันใด เพราะดูจากข้อมูลแล้ว “เสม็ดนางชี” อยู่ที่ตำบลท่าอยู่ของพังงา ซึ่งระยะทางจากสนามบินภูเก็ตถึงจุดชมวิวนั้นราว 40 กม. เศษ ๆ เท่านั้น (เกือบลมบอกไปว่าผมอยู่ภูเก็ตนะครับ)
เช้าวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. ผมจึงนัดแนะกับเพื่อนอีก 3-4 คน เจอกันที่ปากทางเข้าสนามบินภูเก็ตตอนตี 4 แล้วออกเดินทางไปยัง “เสม็ดนางชี” ... เนื่องจากไปที่นี่เป็นครั้งแรกและช่วงเช้าตรู่แบบนี้มันมืดมาก ก็เลยต้องคลำเส้นทางกันหน่อย โดยเฉพาะเมื่อเข้าซอยไปแล้ว สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมีทำให้จะดูข้อมูลเพิ่มเติมใน internet ทำไม่ได้ ยังดีที่ใส่พิกัดไว้ใน map แล้วจึงไม่มีปัญหา
พอมาถึงลานจอดรถทางขึ้นไปยังจุดชมวิวก็รู้เลยว่าไม่หลง เพราะมีรถเกือบ10 คันจอดอยู่ก่อนแล้ว ... ผมเองแทบไม่เชื่อสายตาเพราะทีแรกยังกลัวอยู่เลยว่ามันจะเปลี่ยวและอันตรายไหมหนอ แต่ที่ไหนได้มีคนใจตรงกันมากันเพียบเลยทีเดียว
เนื่องจากที่จอดรถในลานที่เตรียมไว้แน่นแล้ว ผมก็เลยจอดรถริมถนนแล้วเริ่มเดินขึ้นจุดชมวิว จำได้ว่าข้อมูลที่ดูมาระบุไว้ว่าต้องเดินขึ้นเนินไป 300 เมตร ซึ่งตอนเดินก็แอบเหนื่อยเหมือนกันเพราะทางชันเอาเรื่อง แม้จะกว้างและปรับหน้าดินไว้อย่างดีก็ตาม ... เมื่อเดินมาได้ราว 200 เมตรจะมีป้ายเขียนบอกไว้ทางขวามือ ไม่ต้องตกใจว่าเหลืออีก 200 เมตรนะครับ 555 … ที่ตรงนี้เป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพได้เช่นกัน เห็นวิวมุมเดียวกัน แต่ระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อยทำให้มองเห็นน้ำทะเลในมุมที่ราบกว่าด้านบน
จากจุด 200 เมตรเดินไปอีกหน่อยเดียวก็ถึงจุดชมวิวซึ่งเป็นลานดินซึ่งปรับพื้นที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยว ... และก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะ ณ เวลาตี 5 นิด ๆ มีช่างกล้องและนักท่องเที่ยวมาตั้งกล้องถ่ายภาพดาวและรอพระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะแล้ว กะด้วยสายตาอย่างน้อยก็ 30 คน (แต่คิดว่าเกินแน่ ๆ) ผมก็ไม่รอช้าครับ หามุมเข้าไปแทรกตัววางขาตั้งกล้องแล้วเริ่มบันทึกภาพตรงหน้า
วันนี้เป็นวันขึ้น 13 ค่ำ ณ เวลาตี 5 พระจันทร์ตกไปแล้ว ฟ้าจึงค่อนข้างมืดสนิทปล่อยให้ดาวเล็กดาวน้อยนับหมื่นนับแสนเปร่งแสงระยิบระยับโดยไม่มีแสงจันทร์มาบดบัง นับเป็นคืนนึงที่ได้เห็นท้องฟ้ายามค่ำสวยงามมากที่สุดในรอบหลายเดือนสำหรับผมเลยทีเดียว ส่วนเบื้องหน้าเป็นอ่าวพังงาที่แต่งแต้มด้วยภูเขาหินปูนทรวดทรงสวย ยิ่งทำให้เกิดภาพที่สวยยิ่งขึ้นไปอีก ระหว่างถ่ายภาพนอกจากมีดาวตกให้เห็นเป็นระยะแล้วก็ยังมีเครื่องบินผ่านด้วย ทำให้บางภาพมีแสงของเครื่องบินเป็นทางยาวรวมอยู่ด้วย... เสียดายด้านล่างมีไฟนีออนมารบกวนทำให้ภาพดูไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
เมื่อแสงสีแดงเรื่อ ๆ ตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มปรากฎขึ้น แสงของดาวก็ค่อย ๆ เลือนไป โดยมีสีสันตระการตาของท้องฟ้ายามเช้าเข้ามาแทนที่
เมื่อแสงสียามเช้าปรากฎมากขึ้น แสงของดวงดาวก็จางหายไป
จากนั้นเมื่อแดดจากพระทิตย์เริ่มทอแสง บรรยากาศก็เปลี่ยนไปสวยงามอีกแบบ เริ่มเห็นเรือหางยาวนำเรืออกไปทะเลใหญ่ ป่าโกงกางสีเขียวทึบด้านล่างถูกฉาบด้วยไออุ่นสีทอง เป็นภาพที่สวยประทับใจมาก ๆ
ดื่มด่ำกับความสุขของวิวเบื้องหน้า
ผมกับเพื่อนกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย บังหนีซึ่งเป็นผู้บุกเบิกจุดชมวิวแห่งนี้ยืนยิ้มอยู่บริเวณที่จอดรถ แกถามว่าเป็นไงบ้าง ผมก็บอกว่า สวยมากครับแล้วจะไปแนะนำต่อ แกยิ้มกว้างบอกว่ามาอีกนะ ...
สำหรับรีวิวนี้ก็เป็นการทำตามสัญญาที่ผมให้ไว้กับบังหนี ที่จะแนะนำจุดชมวิวแห่งนี้ให้กับเพื่อน ๆ ที่มีใจรักในการท่องเที่ยวได้รู้จักและมาสัมผัสกันด้วยตาตัวเองสักครั้ง ... ใครจะไปรู้ที่นี่อาจดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมา คงมีคนไปเที่ยวเยอะ ผมฝากให้นักท่องเที่ยวทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาด และเข้าชมพื้นที่อย่างสุภาพชน หลีกเลี่ยงการทำเสียงดังซึ่งอาจจะไปรบกวนคนพื้นที่ข้างเคียงด้วยนะครับ เพื่อให้จุดชมวิวแห่งนี้ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคู่เมืองพังงาต่อไปนานเท่านาน ... ขอบคุณครับ
ข้อมูลการถ่ายภาพทางช้างเผือก
Nikon D750 Lens Nikon 14-24 f2.8 เปิดรูรับแสง f2.8 ISO 1600 ที่ 30 วินาที white balance 3600
การเดินทาง
จากสนามบินภูเก็ต ใช้เส้นทางที่จะเดินทางสู่จังหวัดพังงาระยะทางราว 35 กม. จะถึงตำบลท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยคนข้าม ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถที่จุดกลับรถถัดไป จากนั้นขับย้อนมาเลยสะพานลอยนิดเดียวจะมีซอยด้านซ้ายมือเขียนว่าทางไป “ท่าเรือบ้านหินร่ม” ใช้ถนนนี้ขับไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางหลักราว 13.5 กม. ก็จะเห็นที่จอดรถบริเวณทางขึ้น “จุดชมวิวเสม็ดนางชี” อยู่ทางขวามือ จากที่จอดรถเดินขึ้นเนินไปอีกราว 300 เมตรก็จะถึงจุดชมวิวครับ
พิกัด
พิกัดของปากซอยเข้าจุดชมวิวคือ 8.281244, 98.371559
พิกัดของที่จอดรถทางขึ้นจุดชมวิวคือ 8.240564,98.449013
ข้อควรทราบ
- ที่นี่ไม่มีรถสาธารณะผ่าน จึงต้องใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง จะเป็นรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ก็ได้ แต่รถยนต์น่าจะสะดวกและปลอดภัยกว่า เพราะในซอยค่อนข้างลึก
- บริเวณทางขึ้นมีที่จอดรถได้หลายคัน หรือจะจอดริมถนนก็ได้
- ด้านบนมีห้องน้ำชั่วคราว
- มีบริการเต้นท์ให้เช่าพักด้านบนด้วย ติดต่อบังหนี ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกจุดชมวิวนี้ได้ที่เบอร์ 0622081390
- สำหรับท่านที่จะเดินทางไปเก็บภาพดาว ควรออกจากภูเก็ตราวตี 4 เป็นอย่างช้า (ผมนับจากสนามบินนะครับ)
- จุดชมวิวนี้เปิดให้ชมฟรี โดยด้านบนและบริเวณที่จอดรถ มีตู้บริจาคสำหรับนำเงินไปพัฒนาและบำรุงรักษาพื้นที่
- ไปช่วงเช้าควรเตรียมไฟฉายไปด้วยเพราะยังไม่มีไฟบริเวณทางขึ้นครับ
- ด้านบนอาจมียุง ควรมียากันยุงติดตัวไป
- จากปากซอยไปยังจุดชมวิวสัญญาณโทรศัพท์ค่อนข้างอ่อน (AIS, DTAC) และสัญญาณขาดหายเป็นบางช่วง ดังนั้นหากคิดจะใช้ internet เพื่อดูข้อมูลอาจมีปัญหา ควร print ติดตัวไปหรือ save ไว้ในโทรศัพท์จะดีกว่า แต่ด้านบนจุดชมวิวมีสัญญาณนะครับ
ต้องขอบคุณภาพสวย ๆ จากคุณ Theerasak Saksritawee ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางไปตามหา unseen ครั้งนี้ ... ทั้งนี้คุณ Theerasak Saksritawee ได้ทำข้อมูลการเดินทางไว้ด้วย ลองเข้าไปชมภาพสวย ๆ และแผนที่ได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/popumon/media_set?set=a.10204138208174803.1073741943.1813785478&type=3
และขอฝากช่องทางติดตามผลงานของ "นายมด" ด้วยครับ
blog : www.9Mot.com
facebook page : 9Mot-Photography
instagram : @9mot
youtube : 9Mot-Photography
เช้าวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. ผมจึงนัดแนะกับเพื่อนอีก 3-4 คน เจอกันที่ปากทางเข้าสนามบินภูเก็ตตอนตี 4 แล้วออกเดินทางไปยัง “เสม็ดนางชี” ... เนื่องจากไปที่นี่เป็นครั้งแรกและช่วงเช้าตรู่แบบนี้มันมืดมาก ก็เลยต้องคลำเส้นทางกันหน่อย โดยเฉพาะเมื่อเข้าซอยไปแล้ว สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมีทำให้จะดูข้อมูลเพิ่มเติมใน internet ทำไม่ได้ ยังดีที่ใส่พิกัดไว้ใน map แล้วจึงไม่มีปัญหา
พอมาถึงลานจอดรถทางขึ้นไปยังจุดชมวิวก็รู้เลยว่าไม่หลง เพราะมีรถเกือบ10 คันจอดอยู่ก่อนแล้ว ... ผมเองแทบไม่เชื่อสายตาเพราะทีแรกยังกลัวอยู่เลยว่ามันจะเปลี่ยวและอันตรายไหมหนอ แต่ที่ไหนได้มีคนใจตรงกันมากันเพียบเลยทีเดียว
เนื่องจากที่จอดรถในลานที่เตรียมไว้แน่นแล้ว ผมก็เลยจอดรถริมถนนแล้วเริ่มเดินขึ้นจุดชมวิว จำได้ว่าข้อมูลที่ดูมาระบุไว้ว่าต้องเดินขึ้นเนินไป 300 เมตร ซึ่งตอนเดินก็แอบเหนื่อยเหมือนกันเพราะทางชันเอาเรื่อง แม้จะกว้างและปรับหน้าดินไว้อย่างดีก็ตาม ... เมื่อเดินมาได้ราว 200 เมตรจะมีป้ายเขียนบอกไว้ทางขวามือ ไม่ต้องตกใจว่าเหลืออีก 200 เมตรนะครับ 555 … ที่ตรงนี้เป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพได้เช่นกัน เห็นวิวมุมเดียวกัน แต่ระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อยทำให้มองเห็นน้ำทะเลในมุมที่ราบกว่าด้านบน
จากจุด 200 เมตรเดินไปอีกหน่อยเดียวก็ถึงจุดชมวิวซึ่งเป็นลานดินซึ่งปรับพื้นที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยว ... และก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะ ณ เวลาตี 5 นิด ๆ มีช่างกล้องและนักท่องเที่ยวมาตั้งกล้องถ่ายภาพดาวและรอพระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะแล้ว กะด้วยสายตาอย่างน้อยก็ 30 คน (แต่คิดว่าเกินแน่ ๆ) ผมก็ไม่รอช้าครับ หามุมเข้าไปแทรกตัววางขาตั้งกล้องแล้วเริ่มบันทึกภาพตรงหน้า
วันนี้เป็นวันขึ้น 13 ค่ำ ณ เวลาตี 5 พระจันทร์ตกไปแล้ว ฟ้าจึงค่อนข้างมืดสนิทปล่อยให้ดาวเล็กดาวน้อยนับหมื่นนับแสนเปร่งแสงระยิบระยับโดยไม่มีแสงจันทร์มาบดบัง นับเป็นคืนนึงที่ได้เห็นท้องฟ้ายามค่ำสวยงามมากที่สุดในรอบหลายเดือนสำหรับผมเลยทีเดียว ส่วนเบื้องหน้าเป็นอ่าวพังงาที่แต่งแต้มด้วยภูเขาหินปูนทรวดทรงสวย ยิ่งทำให้เกิดภาพที่สวยยิ่งขึ้นไปอีก ระหว่างถ่ายภาพนอกจากมีดาวตกให้เห็นเป็นระยะแล้วก็ยังมีเครื่องบินผ่านด้วย ทำให้บางภาพมีแสงของเครื่องบินเป็นทางยาวรวมอยู่ด้วย... เสียดายด้านล่างมีไฟนีออนมารบกวนทำให้ภาพดูไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
เมื่อแสงสีแดงเรื่อ ๆ ตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มปรากฎขึ้น แสงของดาวก็ค่อย ๆ เลือนไป โดยมีสีสันตระการตาของท้องฟ้ายามเช้าเข้ามาแทนที่
เมื่อแสงสียามเช้าปรากฎมากขึ้น แสงของดวงดาวก็จางหายไป
จากนั้นเมื่อแดดจากพระทิตย์เริ่มทอแสง บรรยากาศก็เปลี่ยนไปสวยงามอีกแบบ เริ่มเห็นเรือหางยาวนำเรืออกไปทะเลใหญ่ ป่าโกงกางสีเขียวทึบด้านล่างถูกฉาบด้วยไออุ่นสีทอง เป็นภาพที่สวยประทับใจมาก ๆ
ดื่มด่ำกับความสุขของวิวเบื้องหน้า
ผมกับเพื่อนกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย บังหนีซึ่งเป็นผู้บุกเบิกจุดชมวิวแห่งนี้ยืนยิ้มอยู่บริเวณที่จอดรถ แกถามว่าเป็นไงบ้าง ผมก็บอกว่า สวยมากครับแล้วจะไปแนะนำต่อ แกยิ้มกว้างบอกว่ามาอีกนะ ...
สำหรับรีวิวนี้ก็เป็นการทำตามสัญญาที่ผมให้ไว้กับบังหนี ที่จะแนะนำจุดชมวิวแห่งนี้ให้กับเพื่อน ๆ ที่มีใจรักในการท่องเที่ยวได้รู้จักและมาสัมผัสกันด้วยตาตัวเองสักครั้ง ... ใครจะไปรู้ที่นี่อาจดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมา คงมีคนไปเที่ยวเยอะ ผมฝากให้นักท่องเที่ยวทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาด และเข้าชมพื้นที่อย่างสุภาพชน หลีกเลี่ยงการทำเสียงดังซึ่งอาจจะไปรบกวนคนพื้นที่ข้างเคียงด้วยนะครับ เพื่อให้จุดชมวิวแห่งนี้ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคู่เมืองพังงาต่อไปนานเท่านาน ... ขอบคุณครับ
ข้อมูลการถ่ายภาพทางช้างเผือก
Nikon D750 Lens Nikon 14-24 f2.8 เปิดรูรับแสง f2.8 ISO 1600 ที่ 30 วินาที white balance 3600
การเดินทาง
จากสนามบินภูเก็ต ใช้เส้นทางที่จะเดินทางสู่จังหวัดพังงาระยะทางราว 35 กม. จะถึงตำบลท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยคนข้าม ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถที่จุดกลับรถถัดไป จากนั้นขับย้อนมาเลยสะพานลอยนิดเดียวจะมีซอยด้านซ้ายมือเขียนว่าทางไป “ท่าเรือบ้านหินร่ม” ใช้ถนนนี้ขับไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางหลักราว 13.5 กม. ก็จะเห็นที่จอดรถบริเวณทางขึ้น “จุดชมวิวเสม็ดนางชี” อยู่ทางขวามือ จากที่จอดรถเดินขึ้นเนินไปอีกราว 300 เมตรก็จะถึงจุดชมวิวครับ
พิกัด
พิกัดของปากซอยเข้าจุดชมวิวคือ 8.281244, 98.371559
พิกัดของที่จอดรถทางขึ้นจุดชมวิวคือ 8.240564,98.449013
ข้อควรทราบ
- ที่นี่ไม่มีรถสาธารณะผ่าน จึงต้องใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง จะเป็นรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ก็ได้ แต่รถยนต์น่าจะสะดวกและปลอดภัยกว่า เพราะในซอยค่อนข้างลึก
- บริเวณทางขึ้นมีที่จอดรถได้หลายคัน หรือจะจอดริมถนนก็ได้
- ด้านบนมีห้องน้ำชั่วคราว
- มีบริการเต้นท์ให้เช่าพักด้านบนด้วย ติดต่อบังหนี ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกจุดชมวิวนี้ได้ที่เบอร์ 0622081390
- สำหรับท่านที่จะเดินทางไปเก็บภาพดาว ควรออกจากภูเก็ตราวตี 4 เป็นอย่างช้า (ผมนับจากสนามบินนะครับ)
- จุดชมวิวนี้เปิดให้ชมฟรี โดยด้านบนและบริเวณที่จอดรถ มีตู้บริจาคสำหรับนำเงินไปพัฒนาและบำรุงรักษาพื้นที่
- ไปช่วงเช้าควรเตรียมไฟฉายไปด้วยเพราะยังไม่มีไฟบริเวณทางขึ้นครับ
- ด้านบนอาจมียุง ควรมียากันยุงติดตัวไป
- จากปากซอยไปยังจุดชมวิวสัญญาณโทรศัพท์ค่อนข้างอ่อน (AIS, DTAC) และสัญญาณขาดหายเป็นบางช่วง ดังนั้นหากคิดจะใช้ internet เพื่อดูข้อมูลอาจมีปัญหา ควร print ติดตัวไปหรือ save ไว้ในโทรศัพท์จะดีกว่า แต่ด้านบนจุดชมวิวมีสัญญาณนะครับ
ต้องขอบคุณภาพสวย ๆ จากคุณ Theerasak Saksritawee ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางไปตามหา unseen ครั้งนี้ ... ทั้งนี้คุณ Theerasak Saksritawee ได้ทำข้อมูลการเดินทางไว้ด้วย ลองเข้าไปชมภาพสวย ๆ และแผนที่ได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/popumon/media_set?set=a.10204138208174803.1073741943.1813785478&type=3
และขอฝากช่องทางติดตามผลงานของ "นายมด" ด้วยครับ
blog : www.9Mot.com
facebook page : 9Mot-Photography
instagram : @9mot
youtube : 9Mot-Photography