ดีจ้า วันนี้จะมารีวิวกึ่งเล่ากึ่งรีวิว ถึงการไปเที่ยวเขาสก , กุ้ยหลิน , รัชประภา , สุราษฎร์ธานี
เริ่มจากที่ต้องการหาทริปปีใหม่เลยไปบิ้วอี้ เพื่อนๆในกรุ๊ปสมัย ม.ปลาย (ตอนนั้นประมาณเดือนตุลาคม2558) พวกนางก็ยินดีปรีดาด้วย และ เซ็นยินยอมให้ จขกท ไปเสิร์ทหา location มาว่าเราจะไปไหนกัน ซึ่งที่ จขกท นึกถึงเลยก็คือ "เขาสก" จ.สุราษฎร์ธานี เพราะอยากไปมานานแล้ว เห็นเขารีวิวกันบ่อย แล้วก็บอกว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย อะไรแบบนั้นเลย
สิ้นสุดการเลือกสถานที่ ก็กด Save รูปในเน็ตไปล่อตาเพื่อนรัวๆ ไงล่ะ เพื่อนก็ตาลุกว้าวบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไป!!!
หลังจากนั้นเราก็เริ่มหา Contact ติดต่อไปตามแพต่างๆที่อยู่ในเขาสก หลายแพตอบกลับมาว่าเต็ม และบางแพก็บอกว่าให้โทรมาจองล่วงหน้า1เดือน (ตอนนั้นอีก3เดือนกว่าจะปีใหม่แต่บางแพก็เต็มแล้วโดยเฉพาะที่แพ 500 ไร่ T__T)
เราต่อสู้กับการจองที่พักมาร่วม2อาทิตย์ก็ยังหาไม่ได้ เลยลองหาทัวร์ที่เขาเป็นคนหาที่พักแถวๆภาคใต้ ตอนนั้นไปเจอพี่คนนึงเจอใน IG บอกว่ารับปรึกษาแล้วก็ดูแลเรื่องที่พักในเขาสก ร่วมถึง ที่อื่นๆในภาคใต้ด้วย เลยลองแอดไปคุย พี่เค้าชื่อพี่หนูดี (ใครอยากได้เบอร์หรือ Line Id หลังไมค์มานะคะ)
พอแอดไป พี่หนูดีก็ทักทายมาดี๊ดี ไม่ใช่ฟิวขายของนะ แต่แบบเป็นเหมือนคนพื้นที่ อยากพาเที่ยวไรงี้ พอแนะนำอะไรเสร็จสรรพ เราบอกจำนวนคน วัน เวลา และสิ่งที่ต้องการ ไปให้พี่หนูดีช่วยพิจารณา แล้วพี่หนูดีก็จะส่งที่พักที่เหมาะกับเรามาให้เลือกหลายที เรามีหน้าที่เลือกกลับไป3ที่ และพี่หนูดีจะดีลกับที่พักต่อให้ว่าห้องว่างไหม และ มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ แล้วจะมาสรุปให้เราฟังถ้าเราโอเค ก็โอนมัดจำไป
เนื่องจากในช่วงการจองเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก เพราะตอนนี้หลายที่เต็มหมด และ เราเองก็มีข้อแม้ว่าอยากได้ห้องพักที่นอนแบบ2คน (เพราะไปเป็นคู่) เลยทำให้ตัวเลือกน้อยไปอีก สุดท้ายไปจบที่แพไม้ไผ่ที่ "แพภูผาวารี" แต่ไม่รู้ว่าปีชงรึเปล่า ที่เราจองไว้แล้ว ก่อน2อาทิตย์ พี่หนูดีโทรมาบอกว่าดันผิดแผนจากห้องเดี่ยวๆ ห้องละ2คน ได้เป็น 2 ห้องใหญ่นะ ทุกคนต้องนอนรวมกันห้องละ 4 คน
แอบเสียจุย 5555 แต่ก็ตามนั้น มันสุดวิสัยนี่ แพไม้ไผ่เจ้าของเค้าแพรื้อออกไปแล้ว บอกว่ามันพังง่าย เอาล่ะไม่เป็นไรขอให้ได้ไปแล้วกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นก็จองตั๋วเครื่องบินกันแอบยากอีกเหมือนกัน เพราะปีใหม่ ทุกอย่างอัพราคาเป็นเท่าตัวเสมอข่าา เราจบดีลที่ไลอ้อนแอร์ เพราะพอสู้ราคาไหว ไปกลับ 3,000 กว่า แพงไปนี๊ดแต่ต้องงงงไป
เย่! มาถึงวันที่คอยรอ 29 ธันวาคม 2558 ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง 8 โมง ถึง สนามบินสุราษฯเวลา 9 โมงกว่าๆ เสร็จแล้วก็มีเพื่อนของเพื่อนมารับจากสนามบินไปที่ท่าเรือ ระหว่างทางก็แวะซื้อเครื่องดื่มกันนิดหน่อย ถึงท่าเรือราวๆ 11 โมง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอไปถึงท่าเรือก็โทรหาคนที่พี่หนูดีดีลเอาไว้ ชื่อพี่รุ่งโรจน์ เค้าก็จะมาแนะนำเราและพาเราขึ้นเรือของเขา พี่รุ่งโรจน์จะทำเข้ามาขนของให้พวกเรา แล้วก็ไปเข้าคิวจ่ายค่าเข้าอุทยานให้ด้วยเราไม่ต้องไปต่อคิวเอง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ส่วนเรือที่อยู่ที่ท่า จะเป็นของกลุ่มใครกลุ่มมัน ต้องจองหรือดีลมาก่อนเท่านั้นนะแจ๊ะ จะมาสุ่มสี่สุ่มแปดขึ้นไปทำได้ค่อนข้างยาก เพราะว่าราคาต่อลำค่อนข้างแพง
ออกจากท่าเรือเที่ยงๆ ก็มุ่งหน้าเข้าสู่ ความงดงามของธรรมชาติแห่งขุนเขาและเขื่อนอันยิ่งใหญ่ โดยตลอดเส้นทางมันสวยมากขุ่นแม่ น้ำนี่นะใสสะอาดสดใหม่ ถึงจะกระเด็นมาเป็นระยะๆจนเนื้อตัวเปียกชุ่มฉ่ำ แต่เราก็ไม่รู้สึกถึงความลำบากมันสวยและยิ่งใหญ่ ขนาด จขกท หนักกว่า 80 โล ยังเผลอคิดไปว่า โอ้ว...ธรรมชาตินี้แสนยิ่งใหญ่ยิ่งนัก ทำไมอิฉันตัวเล็กเช่นนี้
เมื่อเรามากันได้ครึ่งทาง พี่คนขับก็ฉลอความเร็วเรือให้ชมไฮไลท์ในงานนี้ นั่นคือ "เขาสามเกลอ" ลักษณะคือ ก้อนใหญ่ 3 แท่ง เกาะกลุ่มกอดคอกันอยู่ ท่ามกลางหุบเขาและสายน้ำ สวยดี แต่เราอาจจะมาตอนแดดแรงๆเลยไม่ค่อยโรแมนติก ควรต้องตอนเช้าแหละ แสงคงสวยดี และจากที่สังเกตในบริเวณนี้เรือโดยสารทุกลำจะต้องจอดให้ถ่ายรูปที่นั้นเป็นเวลา 15 นาที สังเกตดู ทุกลำที่ขนนักท่องเที่ยวมา จะมาเข้าแถวกันบริเวณนี้ รอให้อีกลำไป อีกลำก็จะเข้ามา น่ารักดีไม่บังวิวกัน
เมื่อดื่มด่ำกับเขาสามเกลอเสร็จ เราก็เดินทางกันต่อ เพื่อไปยังแพภูผาวารีของเราที่จองเอาไว้ ตอนนั้นแอบเห็นแพที่อยู่ตรงข้ามกับเขาสามเกลอเลย คิดในใจดังๆออกมาว่าแพนี้วิวดีจังเลยนะ คนขับเรือเลยอธิบายจนรู้ว่า แพนั้นชื่อแพนางไพรค่ะน่าจะเป็นของอุทยานโดยตรง ถ้าใครอยากมาพักลองติดต่อดูนะเต็มเร็วมากพี่เค้าบอก ส่วนตัวคิดว่าแพนางไพรวิวดีที่สุดในเขื่อนเลย ธรรมชาติที่สุด ไม่มีรูปมาให้ดูนะ
นั่งเรือต่อจนเมื่อตูด ก็มาถึงแพภูผาวารีแล้วววววว ไม่พิมพ์เยอะ ให้ไปดูรูปที่พักกันก่อน อิอิ
[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความก่อนลงจากเรือเตือนว่าให้เอาเสื้อชูชีพขึ้นมาด้วยนะ เพราะที่พักไม่มีให้เรา เรื่องนี้ขอโกรธเลยทำไมทั้ง2หน่วยงานไม่ดีลกัน คนขับเรือไม่ได้บอกเรา พวกเราก็ขึ้นมาตัวเปล่าเลย สุดท้ายพอจะเล่นน้ำไปขอเจ้าหน้าที่ที่แพ เค้าบอกว่าเราต้องเอามาจากเรือเราเท่านั้น เลยต้องนั่งรอเรือของเรากลับมาอีกครั้งด้วยการหาสัญญาณแล้วโทรไปฟ้องพี่หนูดี เค้าเลยเอามาให้อีกวันนึง
[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความรวมเวลาการเดินทาง นั่งเครื่องบิน 1 ชม. ต่อรถ 1 ชม. ต่อเรือ 1 ชม. = 3 ชม.
ต่อไปเรียนเชิญเข้าไปดูภายในห้องพักของเรา ในห้องมี ทีวี , แอร์ , เตียงคิงส์ไซส์2เตียง , ห้องน้ำในตัว
แต่!!! ขอบอกว่า ถ้าใครใคร่ไฟฟ้า ใครใคร่โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คมีขาดใจกันบ้าง เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณ แถมไฟฟ้าเปิดเป็นเวลาด้วยนะจ๊ะ ตัดขาดโลกไปเลย
อันนี้บริเวณระเบียงของเรา มองไปเห็นแพอีกฝั่ง ซึ่งเป็นของแพภูผาวารีนี่แหละ เค้าแบ่งเป็น 2 ฝั่ง
ส่วนคนที่ชอบทำกิจกรรม ทางแพจะมีให้ซื้อแพ็กเกจเพิ่ม แว่วข่าวมาว่า จะมีพาไปล่องเรือส่องสัตว์ตอนเช้าตรู่ พวกนก หมูป่า แล้วก็ไปเดินป่าดูถ้ำปะการังด้วย แต่สำหรับทัวร์ของเราไม่ได้ซื้อไปค่ะ เลยเล่นน้ำกันที่แพแบบยาวๆ พวกเรือคายัคจะมีเรือให้ห้องละลำแต่ว่าต้องมัดจำค่าไม้พาย อันละ 500 บาท
เรือปั่นขนาดที่นั่ง 2 คน ก็เช่าได้ ชม.ล่ะ 100 บาท
ถ้าใครชอบความหวาดเสียว แนะนำให้ดำผุดดำว่ายน้ำไปด้านหลังแพ จะมีเชือกยาวผูกเอาไว้กับต้นไม้สูง
ตรงนั้นสามารถปีนขึ้นไปและกระโดดลงมาสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพน ชาวแก๊งค์บอกว่า สิ่งนี้ มันส์สุดติ่ง ในทริปเลย
แต่ขอ remark ไว้ตรงนี้ก่อนว่าเป็นเครื่องเล่น 18+นะ เพราะต้องว่ายน้ำไปไกลเหมือนกัน และ ความสูงก็ใช้ได้เลย เจ้าหน้าที่ไม่ได้แนะนำให้ขึ้นเด้อ 555
หลังจากนี้ชีวิตของพวกเราก็ไม่มีอะไร เล่นน้ำ บวกเลข ดื่มกิน ตื่นไปกินข้าวที่ทางรีสอร์ทจัดเอาไว้ให้ รสชาติอาหารก็เข้มข้นคนใต้อร่อยดี สิ่งที่จะมีอยู่ในมื้อทุกมื้อก็ แกงเหลืองปลา และ ไข่เจียว สามารถขอเพิ่มได้ตามสมควร แต่ห้ามนอกเหนือเมนุนะ เค้าไม่ทำ ส่วนอาหารเช้าเป็นบับเฟ่ ข้าวพัด ใส้กรอก ไข่ดาว หนมปังปิ้ง ชา กาแฟ อะไรเทือกนั้น (แอบจืดชืดนิดนึงใช้ได้)
ถ่ายมาไม่หมดเด้อ ไปดูรูปบรรยากาศกันต่อดีกว่า
ดูรูปจนเบื่อแล้ว เรามาสรุปกรีวีวกันกว่า
สำหรับที่แพภูผาวารี รูปร่างทันสมัยดีนะสะอาด เราให้ 3 ดาว เต็ม 5 ดาว เพราะบางสิ่งบางอย่างเค้าดูแลไม่ทั่วถึง
1.น้ำไม่ไหล (กำลังสระผมอยู่เลยข่าขุ่นแม่ 555)
2.แอร์เปิดไม่ได้ (อันนี้เค้าบอกต้องจ่ายเพิ่ม Oops แต่ไม่ได้บอกแต่แรกเค้าบอกว่าแพพึ่งมาลงใหม่เราไม่ได้จ่ายแบบห้องแอร์มา) ,
3.เสียงของแพดังจนนอนไม่หลับ เก็ทฟิวแพใช่มั้ยคะมันจะโครงๆเพราะอยู่บนน้ำอ่ะเนอะ อันนี้ไม่ซีเรียส เพราะเลือกมาแพเองยอมรับได้ แต่ที่รับไม่ได้
คือทุ้นมันถูกันแบบดังมาก เอี๊ยดดดดดดส์ แอ๊ดๆๆๆ เหล็กมันถูกันอ่ะแก ดังบนหัวพี่เนี้ย ไม่รู้บ้านหลังอื่นเป็นป่าวแต่บ้านเราหลัง 5 เป็นหนักมาก หล่องห้าย
เวลาเราไปฟ้องเจ้าหน้าก็บอกว่าเดี๋ยวมาดูให้น้า แล้วก็เงียบไป
ทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเพราะหน้าเทศกาลคนมันเยอะแหละต้องเข้าใจเนอะ
และหลังจากสูดอากาศบริสุทธิ์กันซะจนจุกอกแล้ว พวกเราชาวแก๊งค์ก็รอเรือพี่รุ่งโรจน์มารับไปส่งที่ท่า ใช้เวลาเดินทางเท่ากับขามา
ขากลับเปียกมากน้ำสาดต้องเก็บมือถือไว้ในที่ที่ปลอดภัยนะแจ๊ะ
ส่วนรถที่จะกลับไปสนามบินครั้งนี้ ใช้บริการรถตู้แบบเหมาราคา 1,200 บาท เนื่องจากจะได้ออกเดินทางเลยไม่ต้องรอเวลาเหมือนรถประจำทาง
อีกอย่างพวกเราก็มากันตั้ง 7 คน คุ้มอยู่ค่ะ
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้
ทริปนี้ไม่ได้อะไรกลับมาเลย นอกจาก ความฟินส์ที่ได้ทำตามฝันแล้ว เขาสกสวยจริงๆ ใช่ๆ สวยจริงๆ
(ภาพบางส่วนจากเพื่อนแพน)
เจอกันกระทู้หน้าเด้อ บัยส์
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 1653724