สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่เกี่ยวกับการเดินทาง สามารถแนะนำ ติชม กันได้นะคะ
อย่างที่จั่วหัวไว้ "เพราะอารมณ์เปลี่ยว เลยสะพายเป้เที่ยว...ปาย" อารมณ์นั้นจริง ๆ
เนื่องจากว่า ปาย เป็นสถานที่ ที่เราอยากไปมานานมากแล้ว ตั้งแต่ปายยังไม่มีชื่อเสียงมากเท่าทุกวันนี้
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ไป แต่ในที่สุด ฟ้าก็เป็นใจ เมื่อเหลือบมองปฏิทินหยุดงานของบริษัท เลยจัดการจองตั๋วทั้งรถทัวร์ และ เครื่องบิน ฤกษ์งามยามดีในการเดินทางคือ 5-8 ก.พ. การเดินทางครั้งนี้ Backpack คนเดียว และเนื่องจากว่าเที่ยวคนเดียว ดังนั้นเลยเที่ยวแบบตามใจฉัน ไม่มีการวางแผนใด ๆ ทั้งสิ้น สไตล์การเที่ยวออกแนวขี้เกียจหน่อย ๆ ไปเพื่อเปลี่ยนที่นอน ที่อ่านนิยาย
เราเริ่มจากขึ้นรถทัวร์ที่นครชัยแอร์ กะเวลาไปถึงโน้นเช้าพอดี ด้วยความที่ไม่รู้ว่ารถบัสมีแค่เที่ยวเดียวจากเชียงใหม่ ไปปาย คือรอบ 7:00 น. เลยทำเราเลือกนั่งรถทัวร์รอบสุดท้าย จึงได้นั่งรถตู้แทน คำเตือนในการนั่งรถตู้ คือ ท้องอย่าว่าง และ หากคุณ sensitive ต่อ รูป กลิ่น เสียง ของอาเจียน ภาวนาอย่าได้นั่งข้างพี่จีน เพราะ ขนาดเราทนไม้ทนมือแล้วยังเริ่มจะหาถุงตามพี่เขาเลย หรือ หากเป็นคนเมารถทุนเดิมอยู่แล้ว ภาวนาให้ยาแก้เมารถอย่าหมดฤทธิ์ก่อนถึงโค้งสุดท้าย รถตู้จากอาเขต ไปปายใช้เวลา 3 ชั่วโมง โดยประมาณ จะมีให้แวะระหว่างทาง 1 ครั้ง
เมื่อถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว เดินหาร้านเช่ามอไซค์ ได้คำแนะนำจากพี่ที่รู้จักว่า ปกติพี่เขาจะเช่าร้าน A Ya เลยตัดสินใจเดินไปเช่าที่นั้น ราคาอยู่ที่ 140/วัน มัดจำ 1,000 บาท พร้อมบัตรประชาชน หากนักท่องเที่ยวเยอะอาจจะต้องรอรถสักหน่อย ในกรณีต้องการรถเกียร์ออโต้ หรือถ้าไม่อยากรอก็เลือกรถเกียร์ธรรมดาได้เลยค่ะ เมื่อได้รถคู่ใจเรียบร้อย แว๊นซ์เข้าที่พักทันที เราพักเลือกพักที่ Prilpai Guesthouse บ้านหลักที่เราอยู่คืนละ 800 บาท ห้องพัดลม มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น เปิดเข้าไปแล้วสำรวจชอบห้องน้ำที่สุด Open air อาบน้ำแต่ละครั้งต้องแข่งกับอุณหภูมิสุด ๆ เร้าใจไปอีกแบบ
เก็บของเสร็จสถานที่แรกที่เราแว๊นซ์ไป คือ ส้มตำหน้าอำเภอ คนเดียว 3 อย่าง แน่นอนว่าต้องมีพระเอกอย่าง ส้มตำปลาร้า เห็นเขาว่าร้านนี้อร่อย เลยต้องชิม แค่คำแรกก็ โอ้โห้ ปลาร้าจริงจังมาก แซ่บ นัว ครัวปายมาก (จะครัวอิสานก็ไม่ได้ เพราะ กินที่ปาย) ค่าเสียหายมื้อนี้ 150 บาท
เมื่อท้องอิ่ม สมองสั่ง หาที่เที่ยวเถอะ ปักมุดที่แรก สะพานประวัติศาสตร์ ถ่ายรูปไปนิดเดียว ถ่ายแบบรีบ ๆ เพราะเอาจริง ๆ ยังไม่ชินกับการเที่ยวคนเดียว และ อีกอย่างด้วยน้ำหนักตัวแล้ว แอบกลัวไม้บนสะพาย เลยได้เดินแค่ต้น ๆ สะพานไม่กล้าไปกลางสะพานเท่าไหร่ รู้ว่าแข็งแรง แต่พี่ก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้ ถ่ายรูปแชะ สองแชะ เลยตัดสินใจไปสถานีต่อไป
สถานีต่อไป คือ กองแลน หรือ ปายแคนย่อน เห็นบันไดนึกว่าเดินขึ้นชิล ๆ ที่ไหนได้ หอบเอาการ แต่ได้กำลังใจดีจากเด็กฝรั่งเดินตาม แสดงเป็นช้างเท้าหน้าให้ฝรั่งได้รู้ หญิงไทยแข็งแรง เดินไม่มีหยุด แม้จะหอบแฮกก็ตาม เดินขึ้นถึงชั้นบนได้สูดหายใจเข้าเต็มปอด หาจังหวะถ่ายรูป กะว่าจะเดินลงตาม 3 หนุ่มลงไปซักหน่อย แต่สังขารป้าไม่ไหวจริง ๆ ขอนั่งพักแถว ๆ นั้นละกัน ได้รูปมา 3 รูปถ้วน นั่งเล่นกินลมซะส่วนใหญ่ หายเหนื่อยจึงเดินไปต่อ เนื้อคู่ คือ เนื้อคู่ ลงมาปะ 3 หนุ่มนั้น แต่ก็มีอันต้องแยกจาก เพราะ เด็กหนุ่มทั้ง 3 ตกลงกันว่าจะไป Love Strawberry Pai ต่อ (แอบสาระแนล้วน ๆ) แต่สำหรับเราแล้ว เราคิดว่ามันเฉย ๆ เลยขอข้ามไปกินลม จิบกาแฟ ณ Coffee in love ดีกว่า แต่พอถึงที่หมาย โอ้โห้!!! ขุ่นพระ คนหรือนี่ ที่นั่งไม่มี แต่กาแฟหอมมาก เดินหาที่สักพัก ตัดสินใจ กลับไปชาร์ตแบตมือถือ แล้วชาร์ตแบตตัวเองทีห้องดีกว่า ว่าแล้วก็แว๊นซ์กลับห้อง นอน
Coffee in love ไม่ได้เข้า ถ่ายตู้ไปรษณีย์ด้านหน้ามาอย่างเดียว
ตื่นขึ้นมาได้เวลาถนนคนเดิน มิรอช้า รีบบิดรถคู่ใจไป วนหาที่จอดรถอยู่นาน จะจอดหน้าร้านก็เกรงใจเขา เลยได้มาจอดที่หน้าโรงเรียน แล้วค่อยเดินไปแทน เราเลือกเดินดูร้านก่อน 1 รอบ แล้วค่อยเจาะจงว่าพุ่งเข้าร้านไหนดี ร้านแรกที่เข้าคือ ยำขนมจีน แปลกดี เพิ่งเคยเห็น รสชาติใช้ได้ กระทงละ 10 บาท เดินไป กินไป หมดซะล่ะ ถ้าหากมาปายแล้วไม่ได้เขียนโปสการ์ดมันก็ไม่ใช่เนาะ เอากับเขาซักหน่อย ซื้อมา 3 แผ่น แผ่นละ 10 บาท แสตมป์ดวงละ 3 บาท (ใช่มั้ย ลืม) เขียนถึงตัวเอง พ่อแม่ และ พี่ที่รู้จัก เนื่องจากได้บอกกล่าวแกไปว่า "กลับจากปาย ถ้าไม่มีผู้ชายไปฝาก จะเขียนโปสการ์ดให้นะ" และ ดูจากรูปการแล้ว ไม่มีจะมีไปฝากพี่แกแน่นอน เลยเลือกเขียนโปสการ์ดเลยดีกว่า เขียนไป ติดแสตมป์ไป หย่อนตู้เสร็จ อ้าว!!! shift หายล่ะ ยังไม่ได้ถ่ายรูปโปสการ์ดเลย งั้นช่างมันเถอะ ไม่ทันล่ะ เลยเดินออกจากร้าน มุ่งหน้าหาร้านต่อไป เนื่องจากยังอิ่มส้มตำ ข้าวเหนียวอยู่ เลยเลือกที่จะกินอะไรเบา ๆ เน้นแคลอรี่ เช่น โรตีไข่ชีส สั่งมา 1 แผ่น เอาไว้ไปกินที่ห้อง ผลไม้ซักหน่อย มัลเบอร์รี่มา 1 กล่อง หนาว เย็น เลยกลับดีกว่า ระหว่างที่เดินหาของกิน ก็เดินดูตารางทัวร์ไปด้วย แต่เนื่องจากอะไรดลใจไม่รู้ เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า ห้วยน้ำดัง ปางอุ๋ง ลอยหายไปในพริบตา เมื่อเห็นเวลา ตี4 และ ตี5 (ความขี้เกียจดลใจนั้นเอง)
อย่างที่บอกว่าลักษณะของห้องน้ำนั้น Open air อาบไปเต้นไป มันส์เลยทีเดียว ยิ่งคืนที่ 2 ได้ยินแม่ค้าพูดว่า อุณหภูมิอาจจะลดถึง 9 องศา อือฮืออ ถนนคนเดินคงไม่ได้แอ้มเงินฉัน(มาก)หรอก รีบซื้อของ รีบกลับ ไปอาบน้ำ
เช้าวันที่ 2 ณ ปาย อากาศดีมาก ไม่มีแดดเลย ตอนแรกกลางคืนวางแผนกับตัวเองไว้ว่าจะไป หยุนไหล ไปดูทะเลหมอกตอนเช้า ที่ไหนได้ ไหลเลย นอนไหล อยู่ในห้อง ตื่นอีกที 7 โมงกว่า ๆ กว่าจะเขี่ยขี้ตา อาบน้ำเสร็จ ปาเข้าไป 8 โมงกว่า ๆ เช้านี้ทางพริ้วปาย ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ คือ ข้าวต้มหมูเห็ดหอม หอมจริง กระเทียมเจียวหอมมาก รสชาติอร่อยมาก แทบอยากจะเดินไปบอกป้าว่า หนูขอเพิ่มอีกถ้วยได้ไหมค่ะ นั่งพิรี้พิไรซักพัก ได้ฤกษ์ออกจากที่พัก
จุดหมายแรกที่ไป คือ วัดพระธาตุแม่เย็น (อยู่ใกล้ ๆ ที่พัก) ดูจากบันไดแล้ว กว่าจะถึงบนสุด หอบชัวร์ และก็หอบจริง ๆ แต่พอมองลงมาเท่านั้นล่ะ มันหายเหนื่อยเลย วิวด้านล่างสวยมาก มันรวมความเป็นธรรมชาติ และ บ้านเรือนเข้าด้วยกันได้ดี เดินวนพระใหญ่ 1 รอบ นั่งกินลม ชมวิว สูดหายใจเข้าปอดให้ลึก ๆ หลาย ๆ รอบ ทำการแว๊นซ์ไปที่ต่อไป
ที่ถัดมา คือ หยุนไหล ที่ ๆ นอนไหล เลยไม่ได้ออกมาตอนเช้า มาตอนสาย ๆ ก็สวยเหมือนกันนะ แต่กว่าจะขี่ถึง ต้องเปิดดู แผนที่ หลายรอบว่ามาถูกหรือเปล่า เพราะ ข้างทางไม่บอกอะไรเลย ขี่มาก็นานล่ะ แต่ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย สวยจริง ๆ พูดได้คำเดียว นี่ถ้ามาตอนเช้า พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น หรือ หมอกลงจัด ๆ จะสวยขนาดไหน ขนาดมีหมอกลงเล็กน้อยยังสวยขนาดนี้ ว่าแล้วก็ชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ตำราเดิม เดินวนไป วนมา นั่งยอง ๆ สูดอากาศเข้าปอด
ก่อนจะถึงหยุนไหล เราจะผ่านหมู่บ้านสันติชล ดังนั้นขากลับเราต้องแวะ และ เมื่อดูเวลาด้วยแล้ว ฝากท้องมื้อเที่ยงเลยละกัน ถามว่าข้าวต้มย่อยแล้ว? ตอบเลยว่า ยังค่ะ เดินดูรอบ ๆ หมู่บ้านที่เขาจัดขึ้นมา มีชาขาย มีสตรอเบอร์รี่อบแห้ง บ๊วย มะเขือเทศ และ อีกมากมาย วางขาย แต่เป้าหมายของเรา คือ อาหารยูนาน เดินเข้าไปในร้านของชาวบ้าน (ลักษณะเหมือนโรงเตี๊ยม ในหนังจีน เวลาเดินทางไกล จินตนาการณ์ล่ำจริง ๆ) แน่นอนว่าสั่งที่ต้องสั่ง คือ ขาหมูน้ำแดง แอบถามน้องเขาแล้วว่า มีชุดเล็กมั้ยค่ะน้อง เผอิญพี่มาคนเดียว คำตอบที่ได้คือ มีชุดเดียวนี่ล่ะครับ อืมมม งั้นก็โอเคครับ ขาหมู 1 ซาลาเปานึง 3 ทอด 2 ผัดยอดฟักแม้ว 1 (มาคนเดียว หึหึ) ตัดเลี่ยนด้วย ชา 1 กา กินเสร็จถึงกับไปไหนไม่รอด เต็มท้อง ค่าเสียหายมื้อนี้ 400 บาท
อาหารย่อยซักพักไปต่อที่ถัดไป วัดน้ำฮู วัดนี้เข้าไปกราบพระ และ อ่านประวัติของวัด ออกมาด้านนอกจะเจอ เจดีย์บรรจุพระอัฐิ และ พระเกศา ของพระสุพรรณกัลยา
ขี่รถเที่ยวนอกตัวเมือง ในตัวเมืองปาย ซักพักเริ่มรู้สึกว่า ขาหมูทำพิษ ควรนอน ไม่รอช้าแว๊นซ์กลับห้องนอน กะเวลาซักบ่าย 3 ค่อยออกไปนั่งปักหลักรอถนนคนเดินที่ร้านกาแฟ ในที่สุดร้านรวงก็เริ่มเปิด เราก็เริ่มเดิน พิกัดแรกอยู่ที่ ร้านขนมจีนนั่งยอง สั่งน้ำยากระทิ ไข่ต้ม 1 อือหือออ อร่อย แต่เบิ้ลคงไม่ไหว เพราะ ขาหมู และ ซาลาเปายังจองพื้นที่ไว้อยู่ สำหรับรอบนี้เรากะว่าจะเดินซื้อเฉพาะของฝากเท่านั้น อย่างที่บอกว่า เราได้ยินแม่ค้าคุยกันเรื่อง 9 องศา จึงตัดสินใจ รีบซื้อ รีบกลับดีกว่า ได้สตรอเบอร์รี่มาเป็นของฝาก โรตีชีสของเพิ่มแคลอรี่ เช่นเดิม
แม่น้ำปาย ยามเย็น
ทุ่งก่อนถึงที่พัก
คืนสุดท้ายที่ปายอุณภูมิก่อนนอนอยู่ที่ 14 องศา แต่ตอนเช้านี่ซิ 11 องศา จากที่คิดกับตัวเองว่าจะขี่ไปหยุนไหล (อีกแล้ว) ได้แค่ขึ้นไปบนพระธาตุแม่เย็น เก็บบรรยากาศตอนเช้าจากที่สูง แว๊นซ์ไป มือแข็งไป หลังจากจัดการถ่ายรูปเรียบร้อยกลับมาอาบน้ำ (ทำใจนานมาก) เก็บของเตรียมตัวกลับ แน่นอนว่าเราต้องการมื้อเช้า แอบหวังไว้ว่า ข้าวต้มหมูเห็ดหอมแน่นอน ที่ไหนได้ เราเป็นคนไทยคนเดียวที่เหลืออยู่ ดังนั้น อาหารเช้าจึงเป็น ไข่ดาว ขนมปัง แอบเสียใจเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันจะได้จิบชาร้อน ๆ ป้าถามว่า "มีตั๋วรถแล้วเหรอหนู?" ฮึ? ตั๋วรถ? ต้องจอง? ได้แต่บอกป้าไปว่า "ยังค่ะ" ป้าเลยชี้ทางสว่างว่า เช้า ๆ คนมันเยอะระวังไม่มีตั๋วลงไปก่อนเที่ยงนะลูก ป้าก็ใจดีให้เบอร์โทร โทรจอง แต่เวลาไม่ได้ต้องจองก่อน 3 ชั่วโมง ทำไงล่ะ แว๊นซ์ซิค่ะ รออะไร ไปถึงเหลือ 4 ที่สุดท้าย รอบถัดไปก็ 4 ที่สุดท้าย ด้านหลังเหมือนกัน เลยตัดสินใจเอารอบนี้ล่ะ ได้ตั๋วลงจากปายเวลา 9.00 ขณะที่แว๊นซ์กลับ 8.14 (โดยประมาณ) ถึงที่พักรีบกิน รีบทำเวลา มือนี่เย็นจนแข็งเสมือนเอาไปแช่ไว้ในถังน้ำแข็ง เอารถไปคืน เสร็จบริบูรณ์ เป็นอันจบทริป เปลี่ยนที่ไปนอน ณ ที่ปาย
ฟ้ายามเช้าหน้าที่พัก
บนวัดพระธาตุแม่เย็น
ทุ่งแถวที่พัก
พอถึงอาเขตเวลาเหลือ เนื่องจากจำเวลาขึ้นเครื่องผิดนึกว่า บ่าย 3 บ่าย 4 แต่ที่ไหนไหน 18.10 จ๊ะ เราเลยไปวัดพระสิงห์ ไหน ๆ ก็มาถึงเชียงใหม่ล่ะ เวลาก็เหลือเฟือ เข้าไปกราบพระธาตุประจำปีเกิดซักหน่อย ตอนที่เราไปพระธาตุกำลังอยู่ในช่วงบูรณะอยู่
ขอบคุณ สำหรับรอยยิ้มที่ส่งให้แม้ไม่รู้จักกันของ 3 หนุ่มฝรั่ง
ขอบคุณ สำหรับการบอกทางไปหยุนไหล
ขอบคุณ คุณป้า และ พี่เจ้าของ พริ้วปาย เกสต์เฮ้าส์ สำหรับคำแนะนำ และ ข้าวต้มหมูเห็ดหอม กระเทียมเจียวห๊อมหอม
ขอบคุณ พี่สาวที่ให้คำแนะนำเกียวกับทริปนี้
ขอบคุณ เพื่อนในกลุ่มที่ไม่มีใครยอมมาปายกันซักที จึงทำให้มีประสบการณ์ดี ๆ ในการเที่ยวคนเดียวแบบนี้
ขอบคุณ ขอบคุณ และ ขอบคุณ ทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้เวิ่นเว้อของเรา
ปล.1 สำหรับเพื่อน ๆ ผู้หญิงคนไหนที่คิดว่าอยากจะลองเที่ยวคนเดียวดูซักครั้ง ลองให้ปายเป็นตัวเลือกดูนะคะ เพราะ ทริปนี้ เป็นทริปแรกในการเที่ยวคนเดียวของเรา และ เราคิดว่าไม่มีอันตรายอะไร
ปล.2 เราคิดว่า เราหลงรักการเที่ยวแบบคนเดียวแล้วล่ะ เจอกันกระทู้หน้า เราวางแผนเรียบร้อยล่ะว่าจะเปลี่ยนที่นอน เป็นที่ไหร และ แน่นอนว่า เราจะไปปายอีก โดยไปด้วยรถบัสทั้งไป และ กลับ และแน่นอนว่าครั้งหน้าคงไปห้วยน้ำดัง ปายอุ๋ง หยุนไหลตอนเช้า (คิดว่านะ)
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ที่มา Pantip
Cr. de_woo