เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่หลายๆ คนน่าจะไปกันบ่อยเนอะ อย่างบีนี่ ปีนึงมี 2-3 ครั้ง ไปจนเบื่อ
แต่พอมี camp meating เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และเห็นรูปเต็ม IG ก็เลยอยากไปเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าธรรมชาติ หรือ mock up กันแน่
ดังนั้น พอรู้ว่าออฟฟิศหยุดวันตรุษจีนให้ พร้อมอากาศที่จะกลับมาหนาวอีกครั้งในวีคที่แล้ว (6-8 กุมภาพันธ์)
บีเลยจองตั๋วเครื่องบิน ไปเล้ยยยย เป็นปทริปที่ปุ๊ปปั๊ปรับโชคมาก
ตอน process ภาพรู้สึกภาพมันแตก ๆ ไงไม่รู้อ่า เลยลงภาพในนี้ไม่เยอะมาก
อยากดูรูปอื่น ๆ ตามไป IG : Beebugs กับแฟนเพจ อมยิ้มของ Beebugs ได้ฮ่า
https://www.facebook.com/beebugslollipop/
ทริปปุ๊ปปั๊ปตั๋วแพงหน่อย lion air ไปกลับ รวมกระเป๋า คนละ 3,250 บาท แต่ก็เอาน่า....ต้องไปแล้วล่ะ ใจแล่นขนาดนี้
บีเลือกไปไฟล์ทเช้าสุด กลับดึกสุดเลย
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ สนามบินดอนเมือง terminal 2 ใหญ่โตโอฬาร ร้านอาหารเพียบบบบ ดีกว่า terminal 1 อีกแกร้..
มีทริคเล็กน้อย สำหรับคนเพิ่งเคยมา Terminal 2 คือ
หากมี check in bag ให้ต่อคิวเข้าแถวเพื่อเช็คอินและโหลดสัมภาระตามปกติ
และพอเชคอินแล้ว ให้เดินไปดูจอสุดแถว เพื่อดูว่ากระเป๋าของเราผ่านการสแกนมั้ย
ถ้าผ่านมันก็จะไหลไปกับสายพาน ถ้าไม่ผ่านกระเป๋าก็จะถูกกันไว้ เราก็เดินไปเอาของที่ไม่ผ่านการสแกนออก แค่นั้นเอง
ส่วนใหญ่ที่ไม่ผ่าน เพราะมี powerbank นี่แหละ
ดังนั้น จำไว้นะคะว่า powerbank ให้พกขึ้นเครื่อง “ห้ามโหลดจ้า”
ส่วนหมายเลข row สำหรับแต่ละสายการบิน บีเอามาฝาก ดังนี้ฮ่า
Row 9 ไทยแอร์เอเชีย
Row 10 ไทยแอร์เอเชีย
Row 11 อาร์แอร์ไลน์, โอเรียนท์ ไทย, ไทยไลอ้อนแอร์
Row 12 ไทยไลอ้อนแอร์, ไทยสมายล์
Row 14 นกแอร์
Row 15 นกแอร์
ได้เวลาก็บินลัดฟ้ากัน ฟิ้ววว...
การเดินทางในเชียงใหม่ทริปนี้ เช่ารถตู้พร้อมคนขับเอาค่ะ วันละ 1,500 บาท ไม่รวมน้ำมัน (แต่น้ำมันก็ตกวันละ 350-400 บาทเอง) ทริปนี้ถือว่ากินอยู่สบาย ๆ เน้นถ่ายรูป ไม่มีคุมงบกันเลย....ต้นเดือนก็งี้
ไปถึงเชียงใหม่แต่เช้า 7 โมงเลยล่ะ
พี่รถตู้มารับ ที่แรกที่เราจะไปคืนแกรนด์แคนยอน อยู่แถวหางดง แต่พอไปถึง แกรนด์แคนยอนยังปิดอยู่ (เปิด 9โมง) เราเลยไปถ่ายรูป เชคอินเล่น ที่เก๊าไม้ล้านนากันก่อน
จุดเชคอินที่ 1 : เก๊าไม้ล้านนา
เก๊าไม้ล้านนาเป็นโรงแรม บีเคยมาพัก มีจุดถ่ายรูปสวยอยู่ 1 มุมถ้วน
เพื่อนที่ไปด้วย เคยเห็นรูปที่บีเคยมาพัก เลยอยากมาถ่ายรูปเชคอินบ้าง เก๊าไม้ฯ อยู่แถวสันป่าตอง แต่ไม่ไกลจากหางดงมาก เราก็เลยแวะไปถ่ายรูปกันแป้ปนึงก็ออกมา
Credit : fnetravel.com
จุดเชคอินที่ 2 : แกรนด์แคนยอน เชียงใหม่
จริง ๆ แกรนด์แคนยอน เชียงใหม่ เป็นคันดิน ที่เค้าขุดเอาหน้าดินไป นานๆเข้าน้ำมันท่วมขัง ก็เลยกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่แบบนี้
ดูภายนอกก็เหมือนไซต์ก่อสร้างที่สวยกว่าปกตินิดนึง แต่พอเดินๆเข้าไป นั่งพินิจดู เห้ย น้ำเป็นสีเขียวมรกต สวยอ่ะแกร
แต่ทางเดิน มีไม่ยาวมาก และแคบ เดินระวังๆจะตกลงไปแลวกันเน้อ
ใครอยากโดดน้ำ หรือนั่งแพ พายเรือ เค้าก็มีบริการอยู่นะ
ค่าเข้าก็ 50 บาทเอง เอานำบัตรไปเป็นส่วนลดในการซื้อเครื่องดื่มได้ 25 บาทด้วย ดีจริงๆ
จุดเชคอินที่ 3 : ภูฟิน
ใครมาแกรนด์แคนยอนก็เลยเข้ามากินข้าวที่ร้านภูฟินได้ บรรยากาศดี กินเข้าชมดอย อาหารไม่แพง มีเค้กมากน้าหลายตา
พนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส....ฟินสมชื่อ
จุดเชคอินที่ 4 : บ้านข้างวัด
เรียกได้ว่าเป็น community mall ของชาว slow life ก็ได้ มีร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านขายของ หรือ workshop ของ handmade น่ารักๆ ที่บีเชื่อว่า ใครเป็นเด็กแมว เด็กแนว ต้องถูกใจ
โดยเฉพาะร้าน มาหาสมุด ที่มีหมวดหนังสือจาก abook เป็นแถวยาว (ฮา)
( credit : fanpage บ้าน"ข้างวัด" )
จุดเชคอินที่ 5 : Hallo Nimman
ก่อนไปอีเว้นใหญ่ camp meating ต้องมาเปลี่ยนคอสตูมกันก๊อนนนน
อีเว้นนี้ใหญ่หลวงหนัก คอสตูมไม่เต็ม เดี๋ยวจะสู้เค้าไม่ได้ ไอ้เรามัน hipster มือใหม่หัดชิค
เข้าเรื่องที่พัก...ปกติบีนอนในนิมมานฯ ตลอด ศูนย์กลางความสะดวกสบาย และบาริสต้าหน้าตาดีนับสิบ
แต่ครั้งบีเลือกนอนที่ hallo dormtel 512 อยู่นิมมานฯ ซ.13 ตรงข้าม ต๋องเต็มโต๊ะเลย
ห้อง double bed คืนละ 1299 บาท แต่ห้องใหญ่ เตียงนอนสบายมากกกก โมเดิร์น ชิคๆ คูลๆ ไปอี้กกก
Breakfast ที่ hallo nimman ก็โซคิ้วท์ วันนึงเป็น set อาหารเหนือ ข้าวเงี๊ยว ข้าวเหนียว หมูปิ้ง แคบหมู
อีกเช้าเป็นข้าวต้มหมุรสชาติดี
มีแซนวิชให้กินอีก อิ่ม ประหยัดไป 1 มื้อ
เข้ามาเชคอิน และแต่งตัวออกไป camp กันเถอะเรา
จุดเชคอินที่ 5 : Camp meating
เอาล่ะ ถึงจุดไฮไลท์กันแล้ว
เริ่มจากเราต้องขับรถไปทางเข้า กองพันสัตว์ต่าง ค่ายตากสิน แลกบัตร ขับตรงเข้าไปจะมีที่จอด
จะมีรถมารับเราเข้าแคมป์ เที่ยวแรก 16.30
เข้าไปก็ถ่ายรูปได้ตามอำเภอใจเลยค่ะ
โต๊ะที่อยู่ริมน้ำ จะเป็นโต๊ะที่จองมาเป็นกรุ๊ปใหญ่ 4 คนขึ้นไป ส่วนที่มากันเป็นคู่ๆ นั่งพื้นนะจ้ะ
โต๊ะริมน้ำก็จะได้เปรียบเรื่องบรรยากาศ แต่โต๊ะนั่งพื้น จะชิวตอนมีดนตรีสดขึ้น นั่งฟังเพลง นั่งโยกกันแบบใกล้ชิดเลย
โต๊ะริมน้ำ สามารถไปนั่งแอ๊บถ่ายรูปเชคอินได้ หากเจ้าของโต๊ะยังไม่มา
ระหว่างรอพนักงานมาจุดเตาเวลา 18.30 ก็มีกิจกรรมเช่น พายเรือ ขี่ม้า ขี่จักรยาน วาดภาพได้ตามอำเภอใจ
ค่าเสียหายอยู่ที่เราจะเลือกเนื้อสัตว์ว่าจะทานอะไร ถ้าเลือกเป็น pork chop จะราคา set ละ 1,000บาท
Lamp chop หรือ เนื้อแองกัส 1,500 บาท
นอกจากเนื้อสัตว์ที่เราเลือแล้ว ใน set ยังมีใส้กรอก เห็ด ผักต่างๆ ให้อีก พูดเลยว่าอิ่ม
ส่วนน้ำ น้ำเปล่ากับพั้นช์ที่เป็น welcome drink , น้ำแข็ง จะฟรี
น้ำอัดลมกระป๋องละ 40
ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย แต่สามารถเอาเข้ามาเองได้ ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม โต๊ะคู่รัก เอาไวน์มาเปิดสุดฤทธิ์
นั่งปิ้งไป กินไป จนอิ่ม พนักงานก็เอา marshmallow มาให้ grill โอ้ยยยย อร่อย กรอบนอก นุ่มใน
เป็นการจบมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบมากจริงๆ
นั่งฟังดนตรีสดที่ไพเราะมาก โยกตัวไปมาจนเพลินคนก็เริ่มทยอยกลับ สัก 21.30 น. คนก็หมดแคมป์แล้ว
บีจึงนั่งรถที่พาเข้ามา นั่งออกจากแคมป์ อากาศหนาว ลมเย็นตีหน้า เป็นการจบวันที่มีความสุข และรูปเยอะมากจริงๆ
จบไป 5 จุดเชคอิน ขอแปะไว้อีก 5 จุดคือ
นิมมานฯ
Mixology
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ขัวเหล็ก
Daddy’s Antique Café
นะพวกเธอว์.....รอนะ พลีสสส
อ่ะมาต่อ...
เข้าวันที่ 2 วันนี้เราไม่เอาพี่รถตู้ ขออยู่เดินเล่นใน จุดเชคอินที่ 6 : นิมมาน ทั้งวันดีกว่า
แน่นอนเริ่มต้นวันด้วยกาแฟ Ristr8to Lab สาขาที่สองของ Ristr8toอยู่ในนิมมานซอย 3 เหมือนกัน แต่อยู่สุดซอย
ที่นั่งเยอะกว่า นั่งสบายและชิวกว่าสาขาต้นซอยนะ
วันนี้บีและเพื่อนซื้อเสื้อผ้าพื้นเมือง จากร้านฟ้าไทย นิมมาน 13 เดินเชคอินทั่วนิมมานเลย
ชาวจีนเห็นก็มองกันเหลียวหลังสุดฤทธิ์ เสื้อพื้นเมืองของเรามันสวยๆ จริงๆ นะ
ตอนแรกที่ใส่ก็นึกว่าจะออกมาเป็นลานนาคัมมิน แต่เอ๊ะ ดูอีกที นี่มันเมียผู้ใหญ่บ้าน กับครูผู้ช่วยบนดอยนี่หว่า
ในนิมมาน นอกจากช้อปปิ้งของพี่โน้ตที่ร้าน iberry แล้ว เราจะทำอะไรกัรได้ นอกจาก กิน กิน กิน กิน
อ่ะ เริ่มแนะนำของกิน ณ บัดนี้
เริ่มที่ ซ.1 สุดซอย ร้านอยู่หลืบหลัง hostel casa 2511 ชื่อร้านว่า “หอมปาก หอมคอ”
ใครชอบโกโก้ แนะนำ โกโก้เย็น เข้มข้นที่สุดในโลกนี้และโลกหน้า
ส่วนเมนูนี้ ใครพลาด ถือว่าผิด!
“กล้วยทอด” ลองสั่งแล้วนั่งรออาหารจานนี้นะ ความพีคมันอยู่ตรงได้ดมกล้วยทอดตอนเค้าทำนี่แหละ....ไม่เชื่อ ไปลอง
กินหนัก ๆ ต้อง ร้านคั่วไก่นิมมาน ซ.17
เมนูเด็ดก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อบไข่กระทะร้อน ดีงาม
ส่วนส้มตำมะม่วงเมือง ก็แซ่บเหลือหลาย (เขียนรีวิวถึงตอนนี้ บีกลืนน้ำลาย 1 อึกใหญ่)
จากนั้นก็ต้องเดินย่อย ถ่ายรุปร้านรวงต่าง ๆ แล้วเนอะ
นี่มากี่ที ๆ ก็มีมุมให้ถ่ายรูปใหม่ ๆ ร่ำไป
จุดเชคอินที่ 7 : Mixology
ร้านนี้เป็นร้านฟิวชั่นอาหารเหนือ บีมาค้นพบเมื่อปลายปีที่แล้ว ทริปนั้นคือรถรถแดงมาทานทุกวันอ่ะ
เมนูดี ร้านน่านั่ง อาหารไม่แพงมาก แต่อร่อยและมีเอกลักษณ์สุดๆ
นี่สาบานเลยว่าที่สั่งมานี่ กินกัน 2 คน เพราะอยากกินทุกอย่างอ่ะแกร...
วิธีมาก็โบกรถแดงจากนิมมานมาโลด บอกเค้ามา "ถนนอารักษ์ ซอย7" ตรงคูเมืองน่ะแก
อาหาร(ที่บี)แนะนำ มีเสือร้องไห้
สปาเกตตี้น้ำพริกอ่อง
mixology pizza
คอกเทล มอคเทลร้านนี้ก็ดี แต่วันนั้นไม่ไหวแล้วค่า...อิ่ม จุก
จุดเชคอินที่ 8 : สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
นี่ก็เป็นอีกเชคพอยท์ของเหล่าฮิปเต้อ เพราะใครๆ ก็อยากมาถ่ายรูปกับแคคตัส ไม่เว้นฉัน..
แต่นอกจากแคคตัส มันก็มีเรือนไม้อีกหลายชนิดนะจ๊ะ อยู่ในเรือนกระจกสวยงาม บรรยากาศดี
การเดินทางไปสวนพฤกษศาสตร์ฯ ก็ง่ายดายเพราะเป็นทางเดียวกับที่ไปม่อนแจ่ม ที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละ
credit : www.qsbg.org
และใหม่ล่าสุดกับ Canopy Walkway เส้นทางชมวิวลอยฟ้า
เดินชมวิว ทิวเขา ความยาว 400 เมตร มาเช้าๆ อากาศเย็นสบาย เปิดตั้งแต่ 8.30 เลย
สูง แต่ไม่เสียวเลยนะจ้ะ
ค่าเข้าสวนพฤกษศาสตร์ฯ
คนไทย ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท
ถ้าเอารถเข้าไปด้วยก็คันละ 100 บาท (รวมคนขับ)
จุดเชคอินที่ 9 : ขัวเหล็ก Cafe’
เป็นร้านอาหารริมน้ำปิง มีทั้ง outdoor และ indoor มีมุมนั่งเล่นถ่ายรูปเชคอินหน้าร้านเยอะดี
สามารถมองเห็นสะพานขัวเหล็ก แลในค่ำๆ ก็จะเห็นสีสรรของขัวเหล็กได้ชัดแจ๋มแจ๋ว
ที่สุดท้ายย
จุดเชคอินที่ 10 : ร้าน Daddy's Antique Cafe and Restaurant
เป็นร้านที่อยู่ไม่ไกลสนามบิน เหมาะกับการหมดที่จะเที่ยว และมาทิ้งตัว ระหว่างรอเครื่องออก
หากมาจากสนามบิน ให้ขับมุ่งหน้า ไปทางบิ๊กซีหางดง เจอสี่แยกเลี้ยวขวาเข้าถนนตัดใหม่ ตรงมาไม่นานจะเจอตัวร้านและ
โรงแรมที่โดดเด้งแบบนึกว่าขับไปถึงเขาใหญ่แล้วเลยล่ะ
อาหารอร่อย ไม่แพง แต่รอนาน
ส่วนบรรยากาศดี มีหัวกระต่ายให้ถ่ายรูปเชคอินเล่น
สองทุ่มมีดนตรีสด เพลงไพเราะเสนาะหู แลดูมีรสนิยมค่ะ
เครดิต เฟซบุ๊คร้าน (ร้าน Daddy's Antique อยู่หน้าโรงแรม San Pareni นั่นแหละจ้า)
ที่มา Pantip
Cr. อมยิ้มของ BeeBugs
แต่พอมี camp meating เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และเห็นรูปเต็ม IG ก็เลยอยากไปเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าธรรมชาติ หรือ mock up กันแน่
ดังนั้น พอรู้ว่าออฟฟิศหยุดวันตรุษจีนให้ พร้อมอากาศที่จะกลับมาหนาวอีกครั้งในวีคที่แล้ว (6-8 กุมภาพันธ์)
บีเลยจองตั๋วเครื่องบิน ไปเล้ยยยย เป็นปทริปที่ปุ๊ปปั๊ปรับโชคมาก
ตอน process ภาพรู้สึกภาพมันแตก ๆ ไงไม่รู้อ่า เลยลงภาพในนี้ไม่เยอะมาก
อยากดูรูปอื่น ๆ ตามไป IG : Beebugs กับแฟนเพจ อมยิ้มของ Beebugs ได้ฮ่า
https://www.facebook.com/beebugslollipop/
ทริปปุ๊ปปั๊ปตั๋วแพงหน่อย lion air ไปกลับ รวมกระเป๋า คนละ 3,250 บาท แต่ก็เอาน่า....ต้องไปแล้วล่ะ ใจแล่นขนาดนี้
บีเลือกไปไฟล์ทเช้าสุด กลับดึกสุดเลย
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ สนามบินดอนเมือง terminal 2 ใหญ่โตโอฬาร ร้านอาหารเพียบบบบ ดีกว่า terminal 1 อีกแกร้..
มีทริคเล็กน้อย สำหรับคนเพิ่งเคยมา Terminal 2 คือ
หากมี check in bag ให้ต่อคิวเข้าแถวเพื่อเช็คอินและโหลดสัมภาระตามปกติ
และพอเชคอินแล้ว ให้เดินไปดูจอสุดแถว เพื่อดูว่ากระเป๋าของเราผ่านการสแกนมั้ย
ถ้าผ่านมันก็จะไหลไปกับสายพาน ถ้าไม่ผ่านกระเป๋าก็จะถูกกันไว้ เราก็เดินไปเอาของที่ไม่ผ่านการสแกนออก แค่นั้นเอง
ส่วนใหญ่ที่ไม่ผ่าน เพราะมี powerbank นี่แหละ
ดังนั้น จำไว้นะคะว่า powerbank ให้พกขึ้นเครื่อง “ห้ามโหลดจ้า”
ส่วนหมายเลข row สำหรับแต่ละสายการบิน บีเอามาฝาก ดังนี้ฮ่า
Row 9 ไทยแอร์เอเชีย
Row 10 ไทยแอร์เอเชีย
Row 11 อาร์แอร์ไลน์, โอเรียนท์ ไทย, ไทยไลอ้อนแอร์
Row 12 ไทยไลอ้อนแอร์, ไทยสมายล์
Row 14 นกแอร์
Row 15 นกแอร์
ได้เวลาก็บินลัดฟ้ากัน ฟิ้ววว...
การเดินทางในเชียงใหม่ทริปนี้ เช่ารถตู้พร้อมคนขับเอาค่ะ วันละ 1,500 บาท ไม่รวมน้ำมัน (แต่น้ำมันก็ตกวันละ 350-400 บาทเอง) ทริปนี้ถือว่ากินอยู่สบาย ๆ เน้นถ่ายรูป ไม่มีคุมงบกันเลย....ต้นเดือนก็งี้
ไปถึงเชียงใหม่แต่เช้า 7 โมงเลยล่ะ
พี่รถตู้มารับ ที่แรกที่เราจะไปคืนแกรนด์แคนยอน อยู่แถวหางดง แต่พอไปถึง แกรนด์แคนยอนยังปิดอยู่ (เปิด 9โมง) เราเลยไปถ่ายรูป เชคอินเล่น ที่เก๊าไม้ล้านนากันก่อน
จุดเชคอินที่ 1 : เก๊าไม้ล้านนา
เก๊าไม้ล้านนาเป็นโรงแรม บีเคยมาพัก มีจุดถ่ายรูปสวยอยู่ 1 มุมถ้วน
เพื่อนที่ไปด้วย เคยเห็นรูปที่บีเคยมาพัก เลยอยากมาถ่ายรูปเชคอินบ้าง เก๊าไม้ฯ อยู่แถวสันป่าตอง แต่ไม่ไกลจากหางดงมาก เราก็เลยแวะไปถ่ายรูปกันแป้ปนึงก็ออกมา
Credit : fnetravel.com
จุดเชคอินที่ 2 : แกรนด์แคนยอน เชียงใหม่
จริง ๆ แกรนด์แคนยอน เชียงใหม่ เป็นคันดิน ที่เค้าขุดเอาหน้าดินไป นานๆเข้าน้ำมันท่วมขัง ก็เลยกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่แบบนี้
ดูภายนอกก็เหมือนไซต์ก่อสร้างที่สวยกว่าปกตินิดนึง แต่พอเดินๆเข้าไป นั่งพินิจดู เห้ย น้ำเป็นสีเขียวมรกต สวยอ่ะแกร
แต่ทางเดิน มีไม่ยาวมาก และแคบ เดินระวังๆจะตกลงไปแลวกันเน้อ
ใครอยากโดดน้ำ หรือนั่งแพ พายเรือ เค้าก็มีบริการอยู่นะ
ค่าเข้าก็ 50 บาทเอง เอานำบัตรไปเป็นส่วนลดในการซื้อเครื่องดื่มได้ 25 บาทด้วย ดีจริงๆ
จุดเชคอินที่ 3 : ภูฟิน
ใครมาแกรนด์แคนยอนก็เลยเข้ามากินข้าวที่ร้านภูฟินได้ บรรยากาศดี กินเข้าชมดอย อาหารไม่แพง มีเค้กมากน้าหลายตา
พนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส....ฟินสมชื่อ
จุดเชคอินที่ 4 : บ้านข้างวัด
เรียกได้ว่าเป็น community mall ของชาว slow life ก็ได้ มีร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านขายของ หรือ workshop ของ handmade น่ารักๆ ที่บีเชื่อว่า ใครเป็นเด็กแมว เด็กแนว ต้องถูกใจ
โดยเฉพาะร้าน มาหาสมุด ที่มีหมวดหนังสือจาก abook เป็นแถวยาว (ฮา)
( credit : fanpage บ้าน"ข้างวัด" )
จุดเชคอินที่ 5 : Hallo Nimman
ก่อนไปอีเว้นใหญ่ camp meating ต้องมาเปลี่ยนคอสตูมกันก๊อนนนน
อีเว้นนี้ใหญ่หลวงหนัก คอสตูมไม่เต็ม เดี๋ยวจะสู้เค้าไม่ได้ ไอ้เรามัน hipster มือใหม่หัดชิค
เข้าเรื่องที่พัก...ปกติบีนอนในนิมมานฯ ตลอด ศูนย์กลางความสะดวกสบาย และบาริสต้าหน้าตาดีนับสิบ
แต่ครั้งบีเลือกนอนที่ hallo dormtel 512 อยู่นิมมานฯ ซ.13 ตรงข้าม ต๋องเต็มโต๊ะเลย
ห้อง double bed คืนละ 1299 บาท แต่ห้องใหญ่ เตียงนอนสบายมากกกก โมเดิร์น ชิคๆ คูลๆ ไปอี้กกก
Breakfast ที่ hallo nimman ก็โซคิ้วท์ วันนึงเป็น set อาหารเหนือ ข้าวเงี๊ยว ข้าวเหนียว หมูปิ้ง แคบหมู
อีกเช้าเป็นข้าวต้มหมุรสชาติดี
มีแซนวิชให้กินอีก อิ่ม ประหยัดไป 1 มื้อ
เข้ามาเชคอิน และแต่งตัวออกไป camp กันเถอะเรา
จุดเชคอินที่ 5 : Camp meating
เอาล่ะ ถึงจุดไฮไลท์กันแล้ว
เริ่มจากเราต้องขับรถไปทางเข้า กองพันสัตว์ต่าง ค่ายตากสิน แลกบัตร ขับตรงเข้าไปจะมีที่จอด
จะมีรถมารับเราเข้าแคมป์ เที่ยวแรก 16.30
เข้าไปก็ถ่ายรูปได้ตามอำเภอใจเลยค่ะ
โต๊ะที่อยู่ริมน้ำ จะเป็นโต๊ะที่จองมาเป็นกรุ๊ปใหญ่ 4 คนขึ้นไป ส่วนที่มากันเป็นคู่ๆ นั่งพื้นนะจ้ะ
โต๊ะริมน้ำก็จะได้เปรียบเรื่องบรรยากาศ แต่โต๊ะนั่งพื้น จะชิวตอนมีดนตรีสดขึ้น นั่งฟังเพลง นั่งโยกกันแบบใกล้ชิดเลย
โต๊ะริมน้ำ สามารถไปนั่งแอ๊บถ่ายรูปเชคอินได้ หากเจ้าของโต๊ะยังไม่มา
ระหว่างรอพนักงานมาจุดเตาเวลา 18.30 ก็มีกิจกรรมเช่น พายเรือ ขี่ม้า ขี่จักรยาน วาดภาพได้ตามอำเภอใจ
ค่าเสียหายอยู่ที่เราจะเลือกเนื้อสัตว์ว่าจะทานอะไร ถ้าเลือกเป็น pork chop จะราคา set ละ 1,000บาท
Lamp chop หรือ เนื้อแองกัส 1,500 บาท
นอกจากเนื้อสัตว์ที่เราเลือแล้ว ใน set ยังมีใส้กรอก เห็ด ผักต่างๆ ให้อีก พูดเลยว่าอิ่ม
ส่วนน้ำ น้ำเปล่ากับพั้นช์ที่เป็น welcome drink , น้ำแข็ง จะฟรี
น้ำอัดลมกระป๋องละ 40
ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย แต่สามารถเอาเข้ามาเองได้ ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม โต๊ะคู่รัก เอาไวน์มาเปิดสุดฤทธิ์
นั่งปิ้งไป กินไป จนอิ่ม พนักงานก็เอา marshmallow มาให้ grill โอ้ยยยย อร่อย กรอบนอก นุ่มใน
เป็นการจบมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบมากจริงๆ
นั่งฟังดนตรีสดที่ไพเราะมาก โยกตัวไปมาจนเพลินคนก็เริ่มทยอยกลับ สัก 21.30 น. คนก็หมดแคมป์แล้ว
บีจึงนั่งรถที่พาเข้ามา นั่งออกจากแคมป์ อากาศหนาว ลมเย็นตีหน้า เป็นการจบวันที่มีความสุข และรูปเยอะมากจริงๆ
จบไป 5 จุดเชคอิน ขอแปะไว้อีก 5 จุดคือ
นิมมานฯ
Mixology
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ขัวเหล็ก
Daddy’s Antique Café
นะพวกเธอว์.....รอนะ พลีสสส
อ่ะมาต่อ...
เข้าวันที่ 2 วันนี้เราไม่เอาพี่รถตู้ ขออยู่เดินเล่นใน จุดเชคอินที่ 6 : นิมมาน ทั้งวันดีกว่า
แน่นอนเริ่มต้นวันด้วยกาแฟ Ristr8to Lab สาขาที่สองของ Ristr8toอยู่ในนิมมานซอย 3 เหมือนกัน แต่อยู่สุดซอย
ที่นั่งเยอะกว่า นั่งสบายและชิวกว่าสาขาต้นซอยนะ
วันนี้บีและเพื่อนซื้อเสื้อผ้าพื้นเมือง จากร้านฟ้าไทย นิมมาน 13 เดินเชคอินทั่วนิมมานเลย
ชาวจีนเห็นก็มองกันเหลียวหลังสุดฤทธิ์ เสื้อพื้นเมืองของเรามันสวยๆ จริงๆ นะ
ตอนแรกที่ใส่ก็นึกว่าจะออกมาเป็นลานนาคัมมิน แต่เอ๊ะ ดูอีกที นี่มันเมียผู้ใหญ่บ้าน กับครูผู้ช่วยบนดอยนี่หว่า
ในนิมมาน นอกจากช้อปปิ้งของพี่โน้ตที่ร้าน iberry แล้ว เราจะทำอะไรกัรได้ นอกจาก กิน กิน กิน กิน
อ่ะ เริ่มแนะนำของกิน ณ บัดนี้
เริ่มที่ ซ.1 สุดซอย ร้านอยู่หลืบหลัง hostel casa 2511 ชื่อร้านว่า “หอมปาก หอมคอ”
ใครชอบโกโก้ แนะนำ โกโก้เย็น เข้มข้นที่สุดในโลกนี้และโลกหน้า
ส่วนเมนูนี้ ใครพลาด ถือว่าผิด!
“กล้วยทอด” ลองสั่งแล้วนั่งรออาหารจานนี้นะ ความพีคมันอยู่ตรงได้ดมกล้วยทอดตอนเค้าทำนี่แหละ....ไม่เชื่อ ไปลอง
กินหนัก ๆ ต้อง ร้านคั่วไก่นิมมาน ซ.17
เมนูเด็ดก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อบไข่กระทะร้อน ดีงาม
ส่วนส้มตำมะม่วงเมือง ก็แซ่บเหลือหลาย (เขียนรีวิวถึงตอนนี้ บีกลืนน้ำลาย 1 อึกใหญ่)
จากนั้นก็ต้องเดินย่อย ถ่ายรุปร้านรวงต่าง ๆ แล้วเนอะ
นี่มากี่ที ๆ ก็มีมุมให้ถ่ายรูปใหม่ ๆ ร่ำไป
จุดเชคอินที่ 7 : Mixology
ร้านนี้เป็นร้านฟิวชั่นอาหารเหนือ บีมาค้นพบเมื่อปลายปีที่แล้ว ทริปนั้นคือรถรถแดงมาทานทุกวันอ่ะ
เมนูดี ร้านน่านั่ง อาหารไม่แพงมาก แต่อร่อยและมีเอกลักษณ์สุดๆ
นี่สาบานเลยว่าที่สั่งมานี่ กินกัน 2 คน เพราะอยากกินทุกอย่างอ่ะแกร...
วิธีมาก็โบกรถแดงจากนิมมานมาโลด บอกเค้ามา "ถนนอารักษ์ ซอย7" ตรงคูเมืองน่ะแก
อาหาร(ที่บี)แนะนำ มีเสือร้องไห้
สปาเกตตี้น้ำพริกอ่อง
mixology pizza
คอกเทล มอคเทลร้านนี้ก็ดี แต่วันนั้นไม่ไหวแล้วค่า...อิ่ม จุก
จุดเชคอินที่ 8 : สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
นี่ก็เป็นอีกเชคพอยท์ของเหล่าฮิปเต้อ เพราะใครๆ ก็อยากมาถ่ายรูปกับแคคตัส ไม่เว้นฉัน..
แต่นอกจากแคคตัส มันก็มีเรือนไม้อีกหลายชนิดนะจ๊ะ อยู่ในเรือนกระจกสวยงาม บรรยากาศดี
การเดินทางไปสวนพฤกษศาสตร์ฯ ก็ง่ายดายเพราะเป็นทางเดียวกับที่ไปม่อนแจ่ม ที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละ
credit : www.qsbg.org
และใหม่ล่าสุดกับ Canopy Walkway เส้นทางชมวิวลอยฟ้า
เดินชมวิว ทิวเขา ความยาว 400 เมตร มาเช้าๆ อากาศเย็นสบาย เปิดตั้งแต่ 8.30 เลย
สูง แต่ไม่เสียวเลยนะจ้ะ
ค่าเข้าสวนพฤกษศาสตร์ฯ
คนไทย ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท
ถ้าเอารถเข้าไปด้วยก็คันละ 100 บาท (รวมคนขับ)
จุดเชคอินที่ 9 : ขัวเหล็ก Cafe’
เป็นร้านอาหารริมน้ำปิง มีทั้ง outdoor และ indoor มีมุมนั่งเล่นถ่ายรูปเชคอินหน้าร้านเยอะดี
สามารถมองเห็นสะพานขัวเหล็ก แลในค่ำๆ ก็จะเห็นสีสรรของขัวเหล็กได้ชัดแจ๋มแจ๋ว
ที่สุดท้ายย
จุดเชคอินที่ 10 : ร้าน Daddy's Antique Cafe and Restaurant
เป็นร้านที่อยู่ไม่ไกลสนามบิน เหมาะกับการหมดที่จะเที่ยว และมาทิ้งตัว ระหว่างรอเครื่องออก
หากมาจากสนามบิน ให้ขับมุ่งหน้า ไปทางบิ๊กซีหางดง เจอสี่แยกเลี้ยวขวาเข้าถนนตัดใหม่ ตรงมาไม่นานจะเจอตัวร้านและ
โรงแรมที่โดดเด้งแบบนึกว่าขับไปถึงเขาใหญ่แล้วเลยล่ะ
อาหารอร่อย ไม่แพง แต่รอนาน
ส่วนบรรยากาศดี มีหัวกระต่ายให้ถ่ายรูปเชคอินเล่น
สองทุ่มมีดนตรีสด เพลงไพเราะเสนาะหู แลดูมีรสนิยมค่ะ
เครดิต เฟซบุ๊คร้าน (ร้าน Daddy's Antique อยู่หน้าโรงแรม San Pareni นั่นแหละจ้า)
ที่มา Pantip
Cr. อมยิ้มของ BeeBugs