สวัสดีค่ะ หลังจากที่ขลุกตัวอยู่กับพันทิปมานานและสิงอยู่เกือบทุกห้องของพันทิป ก็กล้าๆกลัวๆที่จะเขียนกระทู้เพราะไม่รู้จะใช้คำยังไง กลัวไม่ถูกใจผู้อ่านพาลไปอาจขวางหูขวางตาก็เป็นได้ T^T
ทริปนี้ตั้งใจเป็นทริปเคาท์ดาวน์ของกวางน้อยกับราชสีห์ตัวน้อย ก็หาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปมาเยอะ มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ แต่ก็หวั่นจะไปเจอกับกองทัพนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ไม่อยากต้องแย่งกินแย่งเที่ยวแย่งวิวถ่ายรูปกัน5555 จนสุดท้ายได้มาจบอยู่ที่ "เกาะหวาย"
เมื่อฟื้นจากปาร์ตี้อันหนักหน่วงของผองเพื่อนเก่าสมัยมัธยมแล้ว ก็จัดการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
และออกเดินทางพร้อมกับอาการแฮงค์ หรือภาษาอิสานเรียกว่า สะแหม นั่นเอง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกการขับรถยนต์ไปเองเนื่องจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น - อยากจะแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตามรายทาง - สะดวกมากเพราะต้องซื้อของฝากประมาณสามแสนอย่าง55555 และสุดท้ายสำคัญที่สุด เพราะน้ำมันถูกลง5555
*เส้นทาง : เราเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 2 วิ่งตรงไปยังจังหวัดนครราชสีมาตามถนนหมายเลข 204 และขับต่อไปยังถนนหมายเลข 304 จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาปักธงชัย ผ่านวังน้ำเขียว ลงจากเขาปักธงชัยก็จะผ่านอำเภอกบินทร์บุรี วิ่งตามป้าย เบี่ยงซ้ายออกถนนหมายเลข 33 เพื่อเข้าจังหวัดสระแก้ว วิ่งตามป้ายเจอสี่แยกไฟแดง เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข 317 ผ่านเขาฉกรรณ์ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน ตรงไปประมาณ 140 กิโลเมตร เพื่อเข้าจังหวัดจันทบุรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 3277 ขับไปประมาณ 27 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทตามถนนหมายเลข 3 ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร ผ่านอำเภอขลุง เขาสมิง เข้าสู่จังหวัดตราด จากนั้นตามป้ายไปเรื่อยๆเพื่อไปที่ท่าเรือ การเดินทางค่อนข้างสะดวก มีป้ายบอกตลอดทาง เราไปหลงตรงโคราชนิดหน่อย55555* ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าน้ำมัน 2,000 บาท
ส่วนการเดินทางโดยรถทัวร์ไม่ค่อยแน่ใจ เท่าที่ทราบมาคือนั่งรถทัวร์ไปลงที่กรุงเทพฯหลังจากนั้นค่อยต่อรถไปตราด
การเดินทางโดยเครื่องบินมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ให้บริการจากกรุงเทพฯ-ตราดเพียงสายการบินเดียว
#ขอบคุณข้อมูลแผนที่จาก : http://www.novabizz.com/
03.25 น. โดยประมาณ เราก็เดินทางมาถึงอำเภอแหลมงอบ แต่เรือที่จะนำพาเราไปเราไปเกาะนั้น ออกบ่ายสอง จึงเป็นภาระของ Google ที่จะต้องหาโรงแรมให้เรานอนพัก อาบน้ำอาบท่า ก็ค้นเจอโรงแรมแหลมงอบอิ_น์ วนหาอยู่ประมานสิบรอบได้ เพราะโรงแรมอยุ่ในซอย หายาก ลำบากต่อการเข้าถึง พอเข้าไปเจอบริเวณโรงแรมเป็นรูปแบบคล้ายห้องแถว มีโรงจอดรถอยู่ด้านขวาของแต่ละห้อง มีสองแถวหันหน้าเข้าหากัน แถวนึงจะประมาณ15ห้อง ตรงกลางระหว่างแถวเหมือนโรงแรมจะทำเป็นสวนหย่อม แต่มันดันกลายเป็นเหมือนเกาะกลางถนนโล่งๆมีแต่ดินไม่มีหญ้าต้นไม้เหี่ยวแห้ง พอเรามาถึงดึกมันเลยเหมือนร้างๆน่ากลัว แต่เพราะง่วงเลยจำเป็น ราคาก็อหังการมากไม่พิจารณาตัวเองเลย 600 บาทถ้วนค่ะ สภาพข้างในก็ไม่ได้แย่แต่แค่ไม่สมราคา ทีวีเป็นแบบสมัยเก่าๆใช้แถบเลื่อนแล้วก็หมุนๆเอา พอค่ะ เฟลมาก นอน นอนได้แล้ว (ไม่มีรูปนะค่ะขออภัยอย่างแรง)
ตื่นจากฝันร้ายของโรงแรมร้าง ก็หาที่ฆ่าเวลาขึ้นเรือ เจอป้าย "หาดทรายดำ" ก็เลตโกเลยค่าาาา
หาดทรายดำ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศของธรรมชาติ ปัจจุบันมีเพียง 5 แห่งในโลก ซึ่งหนึ่งในห้านั้นก็ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จ.ตราด ดินแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย
หาดทรายดำเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการศึกษาธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลน ทางเดินไปหาดเป็นป่าชายเลน มีสะพานปูน เดินสบายค่ะ ไม่สมบุกสมบันซักเท่าไหร่ เหมาะแก่การพาเด็กๆไปเรียนรู้ธรรมชาติมากๆค่ะ มีป้ายให้ความรู้ตลอดทาง แต่ตอนที่ จขกท ไป เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้น้ำขึ้น อาจไม่ค่อยเห็นหาด เลยขออนุญาตก็อปรูปภาพมานะค่ะ
*การเดินทาง : หาดทรายดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปิด ห่างจากอำเภอแหลมงอบประมาณ 12 กิโลเมตร หากมาด้วยรถส่วนตัวใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3156 เลยทางแยกแหลมงอบ – บ้านแสนตุ้งประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (บ้านน้ำเชี่ยว)
#ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://travel.mthai.com/
หลังจากศึกษาธรรมชาติเสร็จแล้ว ก็เริ่มหิว ขับรถกลับจากหาดทรายดำ ก็ตรงเข้ามาในตัวแหลมงอบอีกครั้ง มองหาร้านอาหาร ช่วงนั้นประมาณเที่ยง แต่ร้านอาหารปิดกันไปเกือบหมดแล้ว สอบถามจากคนแถวนั้นเขาก็บอกว่าร้านอาหารปิดกันหมดแล้ว ทั้งๆที่พึ่งเที่ยง เราก็คิดไปเองว่าเขาคงขายกันแค่ช่วงเช้าแหละ ขับมาเรื่อยๆเจอร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอยู่ด้านซ้ายมือ เยื้องๆกับสถานีตำรวจภูธรแหลมงอบ เดินลงจากรถปุ๊ปได้กลิ่นหอมของน้ำซุปมาเลย โบราณจริงๆ ในร้านจะมีก๋วยเตี๋ยวหมู มีลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา เย็นตาโฟ ประมาณนี้ ชามนี้สั่งเป็น "หมี่ขาวน้ำใสใส่เกี๊ยวปลา"
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ไปรอขึ้นเรือที่ "ท่าเรือกรมหลวงชุมพร" มีจุดสังเกตุคืออนุสรณ์สถานกรมหลวงชุมพร อยู่ไม่ไกลกันมากนักกับร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอันเอร็ดอร่อยเมื่อสักครู่ แต่กระนั้นก็ยังหลงอยู่555555 วนเจ้าประภาคาร ซิกเนเจอร์ของแหลมงอบแห่งนี้อยู่หลายรอบเหมือนกัน เนื่องจากถามมางบริษัทเรือไม่ขาดว่าท่าเรือไหนกันแน่ เพราะมันมีอยู่ประมาณ 2-3 ท่าเรือในแถบนั้น
เรือที่ให้บริการมีหลายบริษัทแล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งเท่าที่เห็นจะมีแต่สปีดโบ๊ทบริการ ราคาไปเกาะหวายเที่ยวละ 450 บาท ซึ่งการจองเรือนั้นทางโรงแรมจะมีเบอร์บริษัทเรือให้เราโทรจองเอง ซึ่งก็ไม่ยุ่งยากอะไรไม่มีการโอนเงิน เพียงแค่แจ้งชื่อและวันเวลาที่จะไป เรือที่นั่งไปจะไปร่วมกับนักท่องเที่ยวที่ไปเกาะหมากด้วย แนะนำให้จองไป-กลับเลย จะได้ไม่ยุ่งยากและไม่เกินงบด้วย เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือนี้ดูแลดีมากค่ะ มีการมาตรวจสอบความเรียบร้อยและบังคับด้วยว่าต้องสวมชูชีพทุกคนหากหลุดมาแค่คนเดียวก็ไม่อนุญาตให้ออกเรือด้วยเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง ชอบมากเลยรู้สึกปลอดภัยมาก จากท่าเรือกรมหลวงชุมพร ไปเกาะหวาย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ช่วงที่ไปคลื่นค่อนข้างนิ่งไม่เมาเรือเลย
**กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรก หากผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะค่ะ**
ทริปนี้ตั้งใจเป็นทริปเคาท์ดาวน์ของกวางน้อยกับราชสีห์ตัวน้อย ก็หาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปมาเยอะ มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ แต่ก็หวั่นจะไปเจอกับกองทัพนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ไม่อยากต้องแย่งกินแย่งเที่ยวแย่งวิวถ่ายรูปกัน5555 จนสุดท้ายได้มาจบอยู่ที่ "เกาะหวาย"
✎ 30 - 12 - 2015
เมื่อฟื้นจากปาร์ตี้อันหนักหน่วงของผองเพื่อนเก่าสมัยมัธยมแล้ว ก็จัดการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
และออกเดินทางพร้อมกับอาการแฮงค์ หรือภาษาอิสานเรียกว่า สะแหม นั่นเอง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกการขับรถยนต์ไปเองเนื่องจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น - อยากจะแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตามรายทาง - สะดวกมากเพราะต้องซื้อของฝากประมาณสามแสนอย่าง55555 และสุดท้ายสำคัญที่สุด เพราะน้ำมันถูกลง5555
*เส้นทาง : เราเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 2 วิ่งตรงไปยังจังหวัดนครราชสีมาตามถนนหมายเลข 204 และขับต่อไปยังถนนหมายเลข 304 จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาปักธงชัย ผ่านวังน้ำเขียว ลงจากเขาปักธงชัยก็จะผ่านอำเภอกบินทร์บุรี วิ่งตามป้าย เบี่ยงซ้ายออกถนนหมายเลข 33 เพื่อเข้าจังหวัดสระแก้ว วิ่งตามป้ายเจอสี่แยกไฟแดง เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข 317 ผ่านเขาฉกรรณ์ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน ตรงไปประมาณ 140 กิโลเมตร เพื่อเข้าจังหวัดจันทบุรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 3277 ขับไปประมาณ 27 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทตามถนนหมายเลข 3 ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร ผ่านอำเภอขลุง เขาสมิง เข้าสู่จังหวัดตราด จากนั้นตามป้ายไปเรื่อยๆเพื่อไปที่ท่าเรือ การเดินทางค่อนข้างสะดวก มีป้ายบอกตลอดทาง เราไปหลงตรงโคราชนิดหน่อย55555* ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าน้ำมัน 2,000 บาท
ส่วนการเดินทางโดยรถทัวร์ไม่ค่อยแน่ใจ เท่าที่ทราบมาคือนั่งรถทัวร์ไปลงที่กรุงเทพฯหลังจากนั้นค่อยต่อรถไปตราด
การเดินทางโดยเครื่องบินมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ให้บริการจากกรุงเทพฯ-ตราดเพียงสายการบินเดียว
#ขอบคุณข้อมูลแผนที่จาก : http://www.novabizz.com/
✎ 31 - 12 - 2015
03.25 น. โดยประมาณ เราก็เดินทางมาถึงอำเภอแหลมงอบ แต่เรือที่จะนำพาเราไปเราไปเกาะนั้น ออกบ่ายสอง จึงเป็นภาระของ Google ที่จะต้องหาโรงแรมให้เรานอนพัก อาบน้ำอาบท่า ก็ค้นเจอโรงแรมแหลมงอบอิ_น์ วนหาอยู่ประมานสิบรอบได้ เพราะโรงแรมอยุ่ในซอย หายาก ลำบากต่อการเข้าถึง พอเข้าไปเจอบริเวณโรงแรมเป็นรูปแบบคล้ายห้องแถว มีโรงจอดรถอยู่ด้านขวาของแต่ละห้อง มีสองแถวหันหน้าเข้าหากัน แถวนึงจะประมาณ15ห้อง ตรงกลางระหว่างแถวเหมือนโรงแรมจะทำเป็นสวนหย่อม แต่มันดันกลายเป็นเหมือนเกาะกลางถนนโล่งๆมีแต่ดินไม่มีหญ้าต้นไม้เหี่ยวแห้ง พอเรามาถึงดึกมันเลยเหมือนร้างๆน่ากลัว แต่เพราะง่วงเลยจำเป็น ราคาก็อหังการมากไม่พิจารณาตัวเองเลย 600 บาทถ้วนค่ะ สภาพข้างในก็ไม่ได้แย่แต่แค่ไม่สมราคา ทีวีเป็นแบบสมัยเก่าๆใช้แถบเลื่อนแล้วก็หมุนๆเอา พอค่ะ เฟลมาก นอน นอนได้แล้ว (ไม่มีรูปนะค่ะขออภัยอย่างแรง)
ตื่นจากฝันร้ายของโรงแรมร้าง ก็หาที่ฆ่าเวลาขึ้นเรือ เจอป้าย "หาดทรายดำ" ก็เลตโกเลยค่าาาา
หาดทรายดำ
หาดทรายดำ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศของธรรมชาติ ปัจจุบันมีเพียง 5 แห่งในโลก ซึ่งหนึ่งในห้านั้นก็ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จ.ตราด ดินแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย
หาดทรายดำเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการศึกษาธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลน ทางเดินไปหาดเป็นป่าชายเลน มีสะพานปูน เดินสบายค่ะ ไม่สมบุกสมบันซักเท่าไหร่ เหมาะแก่การพาเด็กๆไปเรียนรู้ธรรมชาติมากๆค่ะ มีป้ายให้ความรู้ตลอดทาง แต่ตอนที่ จขกท ไป เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้น้ำขึ้น อาจไม่ค่อยเห็นหาด เลยขออนุญาตก็อปรูปภาพมานะค่ะ
*การเดินทาง : หาดทรายดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปิด ห่างจากอำเภอแหลมงอบประมาณ 12 กิโลเมตร หากมาด้วยรถส่วนตัวใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3156 เลยทางแยกแหลมงอบ – บ้านแสนตุ้งประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (บ้านน้ำเชี่ยว)
#ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://travel.mthai.com/
หลังจากศึกษาธรรมชาติเสร็จแล้ว ก็เริ่มหิว ขับรถกลับจากหาดทรายดำ ก็ตรงเข้ามาในตัวแหลมงอบอีกครั้ง มองหาร้านอาหาร ช่วงนั้นประมาณเที่ยง แต่ร้านอาหารปิดกันไปเกือบหมดแล้ว สอบถามจากคนแถวนั้นเขาก็บอกว่าร้านอาหารปิดกันหมดแล้ว ทั้งๆที่พึ่งเที่ยง เราก็คิดไปเองว่าเขาคงขายกันแค่ช่วงเช้าแหละ ขับมาเรื่อยๆเจอร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอยู่ด้านซ้ายมือ เยื้องๆกับสถานีตำรวจภูธรแหลมงอบ เดินลงจากรถปุ๊ปได้กลิ่นหอมของน้ำซุปมาเลย โบราณจริงๆ ในร้านจะมีก๋วยเตี๋ยวหมู มีลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา เย็นตาโฟ ประมาณนี้ ชามนี้สั่งเป็น "หมี่ขาวน้ำใสใส่เกี๊ยวปลา"
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ไปรอขึ้นเรือที่ "ท่าเรือกรมหลวงชุมพร" มีจุดสังเกตุคืออนุสรณ์สถานกรมหลวงชุมพร อยู่ไม่ไกลกันมากนักกับร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอันเอร็ดอร่อยเมื่อสักครู่ แต่กระนั้นก็ยังหลงอยู่555555 วนเจ้าประภาคาร ซิกเนเจอร์ของแหลมงอบแห่งนี้อยู่หลายรอบเหมือนกัน เนื่องจากถามมางบริษัทเรือไม่ขาดว่าท่าเรือไหนกันแน่ เพราะมันมีอยู่ประมาณ 2-3 ท่าเรือในแถบนั้น
เรือที่ให้บริการมีหลายบริษัทแล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งเท่าที่เห็นจะมีแต่สปีดโบ๊ทบริการ ราคาไปเกาะหวายเที่ยวละ 450 บาท ซึ่งการจองเรือนั้นทางโรงแรมจะมีเบอร์บริษัทเรือให้เราโทรจองเอง ซึ่งก็ไม่ยุ่งยากอะไรไม่มีการโอนเงิน เพียงแค่แจ้งชื่อและวันเวลาที่จะไป เรือที่นั่งไปจะไปร่วมกับนักท่องเที่ยวที่ไปเกาะหมากด้วย แนะนำให้จองไป-กลับเลย จะได้ไม่ยุ่งยากและไม่เกินงบด้วย เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือนี้ดูแลดีมากค่ะ มีการมาตรวจสอบความเรียบร้อยและบังคับด้วยว่าต้องสวมชูชีพทุกคนหากหลุดมาแค่คนเดียวก็ไม่อนุญาตให้ออกเรือด้วยเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง ชอบมากเลยรู้สึกปลอดภัยมาก จากท่าเรือกรมหลวงชุมพร ไปเกาะหวาย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ช่วงที่ไปคลื่นค่อนข้างนิ่งไม่เมาเรือเลย
15 : 30 น. เกาะหวาย [เกาะหวายประการังรีสอร์ท]
เกาะหวาย เป็นหนึ่งในหมู่เกาะของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะช้าง เป็นเกาะเล็กๆที่เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวาย มานอนกอดน้ำทะเลใสสีมรกตที่ล้อมรอบไปด้วยแนวปะการังน้อยใหญ่รอบเกาะ กิจกรรมภายในเกาะก็จะมีดำน้ำตื้น ภายเรือคายัค กิจกรรมชายหาด ส่วนใหญ่จะมีทัวร์มาลงดำน้ำซึ่งก็ไม่ได้วุ่นวายจนรบกวนเวลาพักผ่อนของเรามากนัก เกาะหวายจะเปิดเกาะเฉพาะช่วงพฤษจิกายน - เมษายน เพราะช่วงที่ปิดเป็นช่วงมรสุมค่ะ ที่พักบนเกาะมีอยู่ 5 ที่ค่ะ กระท่อมยายมา เกาะหวายกู๊ดฟีลลิ่ง เกาะหวายพาราไดส์ เกาะหวายประการังรีสอร์ท เกาะหวายบีช ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 350 บาท จนถึงหลายพัน แต่เท่าที่หาข้อมูลมาคือ กระท่อมยายมา เกาะหวายกู๊ดฟีลลิ่ง เกาะหวายพาราไดส์ จะมีเวลาเปิด - ปิดไฟ ซึ่งตัวจขกทเองรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะดวกมากนัก จึงเลือกพักที่ เกาะหวายประการังรีสอร์ท เพราะน้ำ-ไฟตลอด24ชั่วโมง โดยภายในรีสอร์ทก็มีหลายรูปแบบนะค่ะ ทั้งบ้านเดี่ยวติดหาดและไม่ติดหาด ห้องแถวติดหาด ซึ่งเป็นห้องที่จขกทพัก เนื่องจากอยู่ริมหาดและประเด็นหลักคือราคาห้องแอร์ที่ถูกที่สุด55555 สนนราคาอยู่ที่คืนละ 1700 บาทค่ะ
สำรวจที่หลับที่นอนเรียบร้อย ก็ออกสำรวจเกาะค่ะ ความรู้สึกแรกเมื่อมาถึงเกาะแห่งนี้เลย คือ น้ำทะเลใสมากกกก(กอ ไก่ เก้าแสนตัวค่ะ) ระหว่างที่เดินบนสะพานไม้เข้าตัวโรงแรม มองลงไปเห็นปลาตัวเป็นๆน่ารักๆว่ายอยู่ คือความรู้สึกแบบว่าฉันคุ้มมากที่ถ่อมาไกลถึงนี่ มันคุ้มจริงๆค่ะท่านผู้ชม
เบิร์นก๋วยเตี๋ยวมื้อกลางวันหมดแล้ว ถึงเวลาออกหาอะไรอร่อยๆใส่กะเพาะค่ะ ทางโรงแรมมีร้านอาหารด้วยนะค่ะ มีอาหารเช้าให้ เป็น american breakfast หรือข้าวต้ม โดยเลือกได้คนละ1อย่างค่ะ มื้อนี้สั่งเป็นทะเลรวมผัดผงกะหรี่ ต้มยำทะเลน้ำใส และไข่เจียว ..ด้วยความกระหายหิว จึงซัดไปแบบไม่มีรูปภาพมาฝาก ต้องขออภัยอีกครั้งนึงนะค่ะ ราคารวมมื้อนี้ 370 บาท น้ำแข็งกระติกเล็ก 60 บาท แบบถังธรรมดา 30 บาท ซึ่งราคาโหดอยุ่เหมือนกัน พวกขนม เครื่องดื่ม บะหมี่สำเร็จรูป แนะนำซื้อมาจากฝั่งจะเป็นการประหยัดมากๆถึงมากที่สุด เพราะราคาบนเกาะอัพแบบสองเท่าเลย โดยเฉพาะใครหนักแอลกอฮอล์แบบมาเป็นโกดังเลยค่ะ ราคาบนเกาะแรงไปจนไม่กล้าเมา555555
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน พนักงานแจ้งว่าตอนดึกมีปาร์ตี้เคาท์ดาวน์นะ เราก็กะว่าจะออกมาร่วมด้วย แต่พอหัวถึงหมอนก็นั่นละค่ะ ซ้อมตาย55555 ตื่นมาอีกที อ้าววว เช้าละ ไม่ทิ้งคอนเซปต์ค่ะ หาของกินอย่างไวค่ะ
อุปกรณ์สำหรับกิจกรรมทางน้ำที่โรงแรมมีให้เช่านะค่ะ เรือคายัคชั่วโมงละ 300 บาท(ไม่ค่อยแน่ใจนะค่ะ) พวกแว่นตาดำน้ำ ชูชีพ 50 บาทค่ะ แต่เราไม่เล่น เพราะเรามาเอาชิลค่ะ5555555
เที่ยงแล้วววว ท้องตะโกนมาบอกว่างี้ โอเคค่ะ กินอีกแล้ว แต่มื้อนี้เราลงทุนค่ะ เดินไปร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่ามาเกาะนี้ต้องไป(เห็นเค้าว่ามา) กู๊ดฟิลลิ่งค่ะ ไปค่ะ เดิน เดิน ประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ลัดเลาะไปตามโขดหิน เดินได้ไม่ลำบากค่ะ
อิ่มเป็นหมู่กันไปแล้ว ควรเบิร์นค่ะ ระหว่างเดินกลับโรงแรม จะมีรีสอร์ทที่อยู่ระหว่างกุ๊ดฟิลลิ่งและเกาะหวายประการังรีสอร์ท มี 3 หลัง ตั้งห่างกันโดยประมาณ เงียบ สงบ เป็นส่วนตัว และทรายขาวมากกกๆๆๆ(ไม้ยมกสองแสนตัว) น้ำใสสุดๆ ปราศจากผู้คน ตรงนี้แหละค่ะที่เราจะลงแช่น้ำทะเลขัดขี้ไคลกัน555555
เหน็ดเหนื่อยล้าจากการถ่ายรูป เอ้ยย เล่นน้ำ ก็มากินข้าวที่ร้านอาหารของโรงแรม แต่ด้วยมื้อนี้เป็นมื้อที่ร้านอาหารค่อนข้างวุ่นวาย สั่งพวกทะเลไปบอกหมด สั่งอะไรไปมีแต่หมดๆ แล้วรออาหารก็นานมาก คือหมดแต่ไม่บอกเราปล่อยให้เรารอนานมากเกือบชั่วโมงถึงมาบอกว่าหมดนานจนอยากจะเข้าไปวีนแต่ก็กลัวอายชาวต่างชาติ อย่าให้ใครว่าไทย55555 ก็เลยจบอยู่ที่มาม่าค่ะ อารมณ์เสีย
ภายในห้องพักค่ะ
หน้าห้องพักค่ะ มุมล่างซ้ายคือมองออกมาจากในห้องพักนะค่ะ
สำรวจที่หลับที่นอนเรียบร้อย ก็ออกสำรวจเกาะค่ะ ความรู้สึกแรกเมื่อมาถึงเกาะแห่งนี้เลย คือ น้ำทะเลใสมากกกก(กอ ไก่ เก้าแสนตัวค่ะ) ระหว่างที่เดินบนสะพานไม้เข้าตัวโรงแรม มองลงไปเห็นปลาตัวเป็นๆน่ารักๆว่ายอยู่ คือความรู้สึกแบบว่าฉันคุ้มมากที่ถ่อมาไกลถึงนี่ มันคุ้มจริงๆค่ะท่านผู้ชม
ขออภัยในความไม่สุภาพนะค่ะ55555 ภาพล่างสุดถ่ายบนสะพานไม้ลงไป จุดดำๆคือตัวปลาวิ่งค่ะ ขออภัยอีกครั้งสำหรับการถ่ายภาพแบบกากๆ5555555
ชิงช้าไม้ เหมาะสำหรับการเก็บภาพอารมณ์แบบเหงาๆโดดเดี่ยวงี้555555
เบิร์นก๋วยเตี๋ยวมื้อกลางวันหมดแล้ว ถึงเวลาออกหาอะไรอร่อยๆใส่กะเพาะค่ะ ทางโรงแรมมีร้านอาหารด้วยนะค่ะ มีอาหารเช้าให้ เป็น american breakfast หรือข้าวต้ม โดยเลือกได้คนละ1อย่างค่ะ มื้อนี้สั่งเป็นทะเลรวมผัดผงกะหรี่ ต้มยำทะเลน้ำใส และไข่เจียว ..ด้วยความกระหายหิว จึงซัดไปแบบไม่มีรูปภาพมาฝาก ต้องขออภัยอีกครั้งนึงนะค่ะ ราคารวมมื้อนี้ 370 บาท น้ำแข็งกระติกเล็ก 60 บาท แบบถังธรรมดา 30 บาท ซึ่งราคาโหดอยุ่เหมือนกัน พวกขนม เครื่องดื่ม บะหมี่สำเร็จรูป แนะนำซื้อมาจากฝั่งจะเป็นการประหยัดมากๆถึงมากที่สุด เพราะราคาบนเกาะอัพแบบสองเท่าเลย โดยเฉพาะใครหนักแอลกอฮอล์แบบมาเป็นโกดังเลยค่ะ ราคาบนเกาะแรงไปจนไม่กล้าเมา555555
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน พนักงานแจ้งว่าตอนดึกมีปาร์ตี้เคาท์ดาวน์นะ เราก็กะว่าจะออกมาร่วมด้วย แต่พอหัวถึงหมอนก็นั่นละค่ะ ซ้อมตาย55555 ตื่นมาอีกที อ้าววว เช้าละ ไม่ทิ้งคอนเซปต์ค่ะ หาของกินอย่างไวค่ะ
แถ่แด่มมมมมม~~อาหารเช้าแรกของการติดเกาะ ค่อนข้างจะขัดกันกับสันดั้งไปหน่อย
อุปกรณ์นั่งเล่น ชมวิว สูดอากาศหน้าห้องค่ะ มันคือ ไก่ชุบแป้งทอด+เฟรนฟราย+มินิมอลสลัด--"5555 199฿ เครื่องดื่มพกมาเองค่ะ
สูดบรรยากาศหน้าห้องพัก
อุปกรณ์สำหรับกิจกรรมทางน้ำที่โรงแรมมีให้เช่านะค่ะ เรือคายัคชั่วโมงละ 300 บาท(ไม่ค่อยแน่ใจนะค่ะ) พวกแว่นตาดำน้ำ ชูชีพ 50 บาทค่ะ แต่เราไม่เล่น เพราะเรามาเอาชิลค่ะ5555555
เที่ยงแล้วววว ท้องตะโกนมาบอกว่างี้ โอเคค่ะ กินอีกแล้ว แต่มื้อนี้เราลงทุนค่ะ เดินไปร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่ามาเกาะนี้ต้องไป(เห็นเค้าว่ามา) กู๊ดฟิลลิ่งค่ะ ไปค่ะ เดิน เดิน ประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ลัดเลาะไปตามโขดหิน เดินได้ไม่ลำบากค่ะ
เราจะไม่พูดอะไรมากไปกันที่อาหารเลยนะค่ะ
ผัดผงกะหรี่ทะเล แกงเขียวหวานทะเล หมึกทอดกระเทียม แพนเค้กกล้วยช็อคโกแลต สับปะรดปั่น น้ำมะพร้าว เครื่องดื่มระหว่างเดินทางกลับอีก 1 ขวด สนนราคาอยู่ที่ 870 บาท
อิ่มเป็นหมู่กันไปแล้ว ควรเบิร์นค่ะ ระหว่างเดินกลับโรงแรม จะมีรีสอร์ทที่อยู่ระหว่างกุ๊ดฟิลลิ่งและเกาะหวายประการังรีสอร์ท มี 3 หลัง ตั้งห่างกันโดยประมาณ เงียบ สงบ เป็นส่วนตัว และทรายขาวมากกกๆๆๆ(ไม้ยมกสองแสนตัว) น้ำใสสุดๆ ปราศจากผู้คน ตรงนี้แหละค่ะที่เราจะลงแช่น้ำทะเลขัดขี้ไคลกัน555555
เหน็ดเหนื่อยล้าจากการถ่ายรูป เอ้ยย เล่นน้ำ ก็มากินข้าวที่ร้านอาหารของโรงแรม แต่ด้วยมื้อนี้เป็นมื้อที่ร้านอาหารค่อนข้างวุ่นวาย สั่งพวกทะเลไปบอกหมด สั่งอะไรไปมีแต่หมดๆ แล้วรออาหารก็นานมาก คือหมดแต่ไม่บอกเราปล่อยให้เรารอนานมากเกือบชั่วโมงถึงมาบอกว่าหมดนานจนอยากจะเข้าไปวีนแต่ก็กลัวอายชาวต่างชาติ อย่าให้ใครว่าไทย55555 ก็เลยจบอยู่ที่มาม่าค่ะ อารมณ์เสีย
✎ 2 - 1 - 2016
อำลาไปด้วยอาหารเช้า อาหารมื้อสุดท้ายบนเกาะอันสงบแห่งนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip