รีวิว กาลครั้งหนึ่ง ณ เ ก า ะ พ ย า ม



สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราาาา~ (เกือบ80%ในกระทู้พันทิปต้องมีคำพูดแนวนี้ 5555555555)  วันนี้จะมารีวิวเกาะพยาม จังหวัดระนองจย้าาาาาาาา ขอบอกไว้ก่อนเลย ว่าอาจจะพิมพ์อะไรเวิ่นๆไปบ้าง บางคำที่พิมพ์ก็อาจจะอ่านเข้าใจยาก ก็ขออภัยไว้ตรงนี้ละกันนะคะ :3 

รูปในกระทู้นี้ถ่ายจาก iphone6 กับ canon 600d ค่ะ แต่งรูปด้วย vscocam อยู่ในช่วงฝึกถ่ายรูปแบบจริงจังค่ะ อาจจะยังไม่สวยมาก ยังไงก็ติชมได้นะคะยิ้ม

เริ่มรู้จักเกาะพยามนี้จากการมีคนๆนึงมาพูดให้ฟังประมาณว่า 'นี่เธอรู้จักเกาะพยามป่าว' 'สวยนะ' พร้อมกับส่งรูปมาให้ดู ตอนแรกแค่ดูรูปก็สัมผัสได้ระดับหนึ่งว่าเออสวยดี อยากไป โดยส่วนตัวก็ชอบเที่ยวทะเลมากๆๆๆอยู่แล้ว ก็บอกกับคนนั้นไปว่าเอออยากไป 'ไว้พาเราไปด้วยนะ' แต่ก็นั้นแหละ พอเวลาผ่านไป ก็ลืมๆไปว่าอยากไป 55555555 เพราะทั้งเรียนทำกิจกรรมมากมายก็แทบไม่มีเวลาแล้วววว จนวันนึงมีเพื่อนมาวางแพลนให้ความอยากไปเกาะพยามกลับมาอีกครั้ง~ ด้วยความที่เพื่อนคนนี้นางเป็นคนจังหวัดระนอง เลยกะว่าสอบเสร็จ จัดการทำค่ายทำอะไรเสร็จ นางจะกลับบ้านและพาไปเที่ยว ทริปนี้จึงเริ่มขึ้น!!

Start การเดินทางไกลแสนไกล~

เกริ่นก่อนว่าทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ประหยัดเท่าไร เน้นอยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน (แต่ต้องไม่ถึงขนาดว่าแพงมากไปจนเว่อร์นะ) 

ทริปนี้มีเพื่อนร่วมทางทั้งหมดห้าคนรวมเราด้วย จำนวนคนกำลังพอดี ไม่เยอะไป พอได้เที่ยวสนุกๆ ไม่วุ่นวาย (มั้ง 5555555) 

เพราะเมื่อคืนสังสรรค์กันจนดึก เลยนัดกันว่าจะออกจากหอนั่งรถไปสายใต้ตอนสี่โมงเย็น จะได้นอนเต็มอิ่ม เตรียมพร้อมกับการเดินทางลงใต้ร่วมหลายร้อยกิโล พอถึงสี่โมงนิดๆ ทุกคนก็มาพร้อมหน้ากัน นั่งรถตู้จากลาดกระบังไปลงอนุเสาวรีย์ แล้วต่อรถตู้ไปลงสายใต้อีกที ถึงสายใต้ประมาณหกโมงกว่าๆ



จากนั้นก็ทำการจองตั๋วรถ ได้รถทัวร์รอบ 20.30 น. ค่ารถ 483 บาท เย้~ จะได้ออกเดินทางสักทีเน้อออออ 



ปกติแล้วเป็นคนที่พอขึ้นรถจะหลับนะ แต่มาคราวนี้ทำไมนอนไม่หลับก็ไม่รู้ คงเพราะตื่นเต้นมั้ง ไม่เคยเดินทางด้วยตัวเองไกลขนาดนี้ ใจนี่อยากให้ถึงที่ระนองเร็วๆแล้วววว 55555555



หลับทั้งคันแล้วยกเว้นเรา ZZZzzzzz~



เย้ ถึงแล้วจย้าาาาาา จังหวัดระนองงงงง 
เราถึงที่จังหวัดระนองประมาณตีห้ากว่าๆ อากาศกำลังดีเลย หนาวนิดๆ สักพักพ่อของเพื่อนก็ขับมารับถึงที่ ไปพักหายใจบ้านเพื่อนสักแปป ก่อนออกเดินทางไปเกาะพยาม เป้าหมายของทริปเรา~



Day1 เกาะพยาม 

ก่อนไปเกาะก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมมม ด้วยการ.. กินข้าวเช้าาาาาาา >< บอกเลยว่ามาเที่ยวครั้งนี้ได้กินข้าวครบสามมื้อตลอด ทั้งๆที่ปกติกินแค่สองมื้อ (เพราะตื่นสาย 5555) มื้อเช้าวันนี้คือติ่มซำ สั่งมากินกันเต็มโต๊ะเลยจ้ากลัวไม่อิ่ม 



นั่งกินกันไปเรื่อยเปื่อย เพราะเพื่อนที่เปรียบเป็นเหมือนคนนำทริปนี้นางบอกว่าเรือที่จะไปเกาะจะออกประมาณเก้าโมงกว่า แต่ตอนที่มากินข้าวเพิ่งเจ็ดโมงเอง เลยไม่รีบร้อนเท่าไร -3- 

นั่งเล่นจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วเลยนั่งรถสองแถวจากหน้าร้านมาลงทางเข้าท่าเรือ 





โอเคนั่งมาสักพักก็ถึงแล้วแต่เหมือนฟีลทิ้งไว้กลางทาง ต้องเดินเข้าไปข้างในต่อ 5555555 แต่เดินไม่ไกลมาก เพิ่งเช้าเอง แรงยังมีเต็มมาก เอ้าเดิน เริ่ม!! 



เดินมาประมาณสิบนาทีก็ถึงท่าเรือแล้วววว ไม่รอช้ารีบตรงไปซื้อตั๋ว ที่นี่มีทั้งเรือ speed boat นั่งประมาณ 30 นาทีในราคา 350 บาท กับเรือธรรมดา นั่งประมาณสองชั่วโมง 200 บาท ด้วยความที่แก๊งเราเป็นสายชิว ก็เลยเลือกเรือธรรมดา กะนั่งชมวิวรับลมไปเรื่อยเปื่อย ไม่ใจร้อนมากนัก แถมประหยัดกว่านิดหน่อยด้วย เรือออก 9.30 น. พวกเรามาก่อนตั้งเกือบชั่วโมง เลยนั่งเรื่อยเปื่อยที่ร้านค้าแถวนั้น ใกล้เวลาก็ค่อยไปนั่งจับจองที่นั่งบนเรือ ด้วยความที่เป็นเรือธรรมดา เลยไม่ค่อยมีคนขึ้น สบายเลยทั้งเรือแทบจะเป็นของพวกเราห้าคน อิอิ >< พอขึ้นมาบนเรือพวกเราก็นั่งเม้าท์มอยกันตามประสา พูดไปเรื่อยเปื่อยว่านี่ขึ้นเรือกันถูกลำป่ะวะ 5555555 พอเกือบๆสิบโมงก็ได้เวลาเรือออกแล้วเอาละได้เวลาเดินทางสู้เกาะพยามจริงๆสักทีน้าาาา~





ในช่วงแรกสองข้างทางจะออกแนวเป็นป่าชายเลน เรือเลยแล่นช้าๆ เราก็นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ พอถึงจุดที่เริ่มเป็นทะเล เรือก็เริ่มแล่นเร็วขึ้น เลยถือโอกาสนี้ไปรับลมและถ่ายรูปเล่นที่หัวเรือซะหน่อย



ระหว่างที่อยู่ตรงหัวเรือ เพื่อนชะนีของเราก็ได้สปีคอิงลิชกับคุณลุงฝรั่งท่านนึง ได้ความว่าชื่อลุงเวล แกก็จะไปพักที่เกาะเหมือนกัน แถมยังไม่มีกำหนดกลับอีกด้วยแหละ นางก็คุยกับลุงเวลอย่างเมามัน เราเองที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องบวกกับลมที่หัวเรือมันแรงเกินไป เลยหลบกลับเข้ามานั่งข้างในดีกว่า 

พอนั่งเรือมาได้สักพัก พลังงานก็เริ่มหมด ร่างกายที่เมื่อคืนไม่ได้นอนระหว่างนั่งรถก็เริ่มออกอาการง่วง~ กะจะแค่หลับตาสักแปป แต่ดันหลับไปจริงๆซะงั้น ตื่นมาก็พบว่าหลับไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ลืมตามาก็ยังไม่พบวี่แววว่าจะถึงที่หมายสักที นานมากกกกกกกกว่าจะถึง 





เดินถ่ายวิวอยู่บนเรือไปสักพักก็เริ่มแล้วววว เริ่มเห็นเกาะแล้วข่าาาาา 





มองจากตรงนี้แล้วก็รู้สึกว่าเกาะนี้ใหญ่อยู่ระดับหนึ่ง จะเที่ยวหมดเกาะมั๊ยน้า~





(รูปนี้ถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเพื่อนเรารีบเดินกันมาก จะรีบไปไหนก็ไม่รู้ววววววว)
พอถึงบนเกาะก็ได้เวลาร่ำลาคุณลุงฝรั่งคนนั้น กว่าจะถึงที่นี่ก็ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงแหน่ะ  อ้อก่อนที่จะมาถึงเกาะ เพื่อนเราที่เป็นคนหาที่พัก ก็ได้ติดต่อกับที่พักไว้ล่วงหน้าว่าจะมาวันนี้เรือรอบนี้ ที่นั่นเค้าก็มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่า เลยบอกเค้าไปว่าจะเช่าสองคัน แต่เกิดความผิดพลาดเล็กน้อย คือตอนมาถึงเกาะ พวกเราติดต่อกับที่พักไม่ติด ก็เลยไปเช่าของร้านแถวๆท่าเรือ ไปๆมาๆ พี่ของที่บังกะโลก็เดินมาหาพวกแล้วพร้อมมอเตอร์ไซค์ ก็เลยตัดสินใจเช่าของร้านตรงท่าเรือคันนึงเกียร์ธรรมดา150บาทกับเช่าของที่พักคันนึงเกียร์ออโต้200บาท ภายในเกาะก็มีร้านขายน้ำมันอยู่หลายร้าน ขวดละประมาณ 35-40 บาท 

ก่อนจะมาเที่ยว เพื่อนเราก็หาที่พักไว้หลายที่ ปรึกษาเพื่อนๆกันก็ได้ความว่า จะพักที่ไหนก็ได้ถูกๆก็ดี ฟีลแบบอยู่ไหนก็ได้สบายๆ ได้ไปก็พอ แต่ขอให้มีห้องน้ำดีๆเท่านั้นเอง เลยมาจบที่ที่พักที่ชื่อ lazy hut อยู่บริเวณอ่าวใหญ่ ตอนที่ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามานี่รู้สึกไกลมาก เพราะอยู่คนละฝั่งเกาะกันเลยที่เดียว (อ่อลืมถ่ายภายในห้องเก็บไว้ ซอรี่น้า) พวกเรามาห้าคนด้วยความไม่ซีเรียสและไม่อยากสิ้นเปลืองมาก ก็เลยเลือกอยู่แค่ห้องเดียว ในห้องมีสองเตียง ก็อยู่ห้าคนได้สบายๆมาก ห้องน้ำก็โอเค ตรงconcept พวกเราเป๊ะ อยู่กันสามวันสองคืน เสียไปคนละห้าร้อย ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคแหละนะ แถมที่พักก็อยู่ติดหาดเลยด้วย ตอนที่ไปถึงนี่อยากลงทะเลละ แต่ติดที่ว่าตอนนั้นร้อน เลยเอาไว้เล่นตอนเกือบเย็นๆละกันเนอะ~





บริเวณหน้าหาดของที่พักจย้าาา~

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จนอนพักเล่นๆกันสักแปป เพื่อนเราวางแผนว่าคืนนี้จะไป hippy bar ตามรีวิวว่าถ้าใครมาเกาะพยามต้องลองไปร้านนี้สักครั้ง ก็ไปคุยกับพี่ที่บังกะโลว่าอยู่ตรงไหนยังไง พี่เค้าก็บอกว่าถ้าจะไปให้ไปดูเส้นทางตอนนี้ดูก่อน เพราะกลางคืนจะมืดมาก อันตรายถ้ายังไม่คุ้นทาง พวกเราก็จัดแจงว่าเออไปกันเลยละกัน ช่วงนั้นก็ประมาณบ่ายโมง แดดกำลังร้อนแรงสุดๆไปเลย เอาละลุยยยยย!! 

ก่อนจะไปถึงฮิปปี้บาร์ พวกเราก็ดันหลงเข้ามาเจออีกบาร์นึงซะก่อน ตอนแรกก็ดีใจกันอ้าวถึงแล้ว อ่านชื่อบาร์ก็คล้ายๆกัน เลยไม่เอะใจอะไร 555555555 มาตอนแรกก็เจอป้ายร้านก่อนเลย ก็งงว่าอ้าวแล้วร้านอยู่ไหน ในป้ายเค้าก็ชี้ไปประมาณว่าต้องเข้าไปอีก แต่ตรงที่เรามาถึงคือมันสุดทางแล้ว ก็เดินดุ่มๆกันเข้าไป ตอนแรกก็เดินตามหาดไปแต่เหมือนจะยากเย็น มีเพื่อนคนนึงบอกมันมีทางที่ให้รถขับเข้าไปได้ก็อ่ะไปๆ ก็มาเจอกับร้านสักที 





ถึงละะะ ชื่อร้านว่า gysie bar ร้านก็ออกแนวเรกเก้ตามสไตล์ชาวเกาะดี แต่เข้ามายากลำบากเหลือเกิน 5555555





เข้ามาก็เจอเจ้าถิ่น อ่ะทักทายซะหน่อย ตามประสาคนรักสัตว์ คริคริ >< 



นางชื่อกล้วยแหละ ขี้อ้อนน่าดู น่ารักสุดๆไปเลย~

พอคุยกับเพื่อนแล้วก็รู้กันว่ามาผิดร้าน ก็ขำๆกันไป เลยขับรถต่อ ไปหาร้าน hippy bar ที่เราจินตนาการไว้ดีกว่า





เย้ถึงแล้วววว hippy bar ร้านที่คืนนี้เราจะมาปักหลักชิวๆกันที่นี่ ร้านนี่อยู่ที่อ่าวเขาควาย ตอนแรกเห็นร้านก็ตกใจเหมือนกันนะ ดูยุ่งๆเยอะๆ แต่ก็อ่ะลองดูละกัน เค้าว่าฮิตเราก็ต้องลอง 

พอเจอร้านแล้ว พวกเราก็เดินเล่นสำรวจแถวๆอ่าวนี้ดู น้ำใสพอๆกับอ่าวใหญ่ ตรงที่พักของเราเลย เดินไปสักพักก็หิวเลยว่าจะหาไรกินกัน ก็เลยว่าปักหลักที่ the sun เป็นรีสอร์ทและก็มีร้านอาหารด้วย







เชิ้บๆๆ กินข้าวกันเถอะ อาหารร้านนี้ก็อร่อยดี ไม่รู้เพราะหิวมากหรืออะไรเหมือนกัน ตอนกินก็กินแบบไม่พูดไม่จากัน ไม่ลืมหูลืมตากันเลยทีเดียว 5555555

ทานเสร็จก็ขับรถกลับที่พัก พักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะไปเล่นน้ำกันตรงหาดหน้าที่พัก แดดกำลังค่อยๆร่ม อากาศกำลังดี(มั้ง) น้ำใสมากๆเลย เล่นกันเพลิน ลอยตัวกันอย่างสบายใจ มีความสุขจริงๆที่ได้ลงเล่นน้ำทะเลแบบนี้ 



สักพักพระอาทิตย์เริ่มตกดินตอนแรกเรากะจะไปอาบน้ำ แต่พอเห็นพระอาทิตย์กำลังค่อยๆตกลงไปในทะเลก็เลยไปหยิบกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย บอกเลยว่าความรู้สึกตอนนั้นดีมากจริงๆ ยิ้ม



บ๊ายบายคุณพระอาทิตย์ :3

พอเล่นน้ำจนพอใจแล้วก็มาอาบน้ำ และกินข้าวกัน เตรียมตัวก่อนไปบาร์ อิอิ



กินข้าวเสร็จก็มีแรงไปเที่ยวกันต่อ ไปดูกันดีกว่าว่าบรรยากาศตอนกลางคืนของร้าน hippy bar เป็นยังไงกัน







ร้านจะแต่งแนวเรือโจรสลัดอะไรประมาณนั้น เราก็ไม่แน่ใจ ในร้านนี่ฝรั่งทั้งนั้น เราเข้าไปเป็นคนไทยก็งงๆอยู่เหมือนกันตอนแรก 555555 ก็สั่งอะไรมาดื่มกันไปเรื่อยเปื่อย มีบันไดให้ขึ้นไปนั่งบนชั้นสองได้ ก็ไปนั่งรับลมก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน แต่ตอนขึ้นไปบันไดชันมาก แอบคุยกับเพื่อนว่าถ้าเมานี่จะเดินตกลงมามั๊ยเนี่ย 555555 

พอดื่มๆกันพอกรึ่มๆก็กลับที่พักกันอย่างปลอดภัย สำหรับคืนนี้ก็นอนนนนนกันก่อนละกัน พรุ่งนี้เที่ยวต่อ สวัสดีชาวไทย


Day 2 
สวัสดีเช้าอันสดใส ตอนแรกคิดว่าจะตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่นอนเพลิน ตื่นตอนสิบโมงกว่า ล้มเลิกความตั้งใจไปเลย 5555555 วันนี้พวกเราวางแพลนว่าจะไปอ่าวหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่พัก แล้วก็ตะลอนในเกาะ ตกเย็นก็จะไป blue sky หาของหวานกินกันก่อนนอน แต่งตัวกันเสร็จก็ไปตามแพลนที่วางไว้ ขับรถมาที่อ่าวคอกิ่ว ตอนแรกเข้ามาสุดถนนก็งงเพราะมันไม่มีทางให้ไปต่อ สำรวจดูคือต้องเดินลงไป 





ก็ไม่รอช้า เดินลงเขาไปตามทาง ซึ่งยากลำบากอยู่ เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าต้องมาเจอทางแบบนี้ กลัวลื่นไปอีก 555555 







พอลงมาถึงก็ว้าวเลยสวยอีกตามเคยน้ำใสตามท้องเรื่องสุดๆ แต่หาดตรงนี้จะมีหินค่อนข้างเยอะถ้าจะเล่นต้องระวังนิดนึงเพราะหินอาจจะบาดเท้าได้แต่น้ำใสมากๆจริง เพราะเราคนนึงเค้าชอบดูหอยดูปลาก็พากันดูปลาแถวๆนั้นกันอย่างร่าเริงแจ่มใสมากท่าแดดสุดๆ555555 ชมบรรยากาศกันจนพอใจก็ขึ้นไปข้างบนตรงทางที่เข้ามา จะมีร้านอาหารอยู่ พร้อมกับเป็นบังกะโลด้วย พวกเราเลยแวะกินข้าวกันตรงนี้เลย ตอนแรกก็กินข้าวกันปกติ ไปๆมาๆก็ได้คุยกับคุณป้าคุณลุงเจ้าของร้าน แกก็บอกว่าเนี่ยมีsnorkel นะเอาไปใช้ได้ตอนแรกเราก็สนใจกันแต่คิดว่าต้องเสียตังเลยถามว่าเท่าไรลุงแกก็บอกเอาไว้ใช้ได้เลยฟรี คือลุงกับป้าแกใจดีมาก เราก็ชวนแกคุยเรื่อยเปื่อย จนเพื่อนเรามันก็ถามมั้งว่าบังกะโลเนี่ยเท่าไรหรอ พอเห็นว่าไม่แพงก็มองหน้ากัน แล้วคุยกันว่าพรุ่งนี้อยู่อีกคืนมั๊ย ด้วยความใจง่ายกันทั้งแก๊ง จากทรืปสามวันสองคืนก็เป็นสี่วันสามคืนเฉยเลย ก็พักที่บังกะโลของลุงกับป้าแกนี่แหละ แกก็คงดีใจมั้ง บริการอะไรหลายอย่าง กินข้าวเสร็จจะลงไปเล่นน้ำกัน ลุงแกก็มีกางเกงให้เพื่อนเรายืม เพราะตอนแรกไม่ได้กะจะเล่นน้ำกันตอนนั้น อะไรก็ดีไปหมดตอนนั้น แฮปปี้มากที่มาเจอลุงกับป้า 5555



ลงไปเล่นน้ำที่อ่าวคอกิ่วสักพัก ลุงก็ลงมาบอกจะขับเรือไปหาปลา ชวนพวกเราไปด้วย แต่ไปได้แค่คนเดียว เพื่อนเราก็นั่งไปด้วย นานแสนนาน คือเรากับเพื่อนที่เหลือนี่แช่น้ำจนตัวเปื่อยละ ร่วมๆชั่วโมง ก็กลับมา พร้อมกับปลาหนึ่งตัว ลุงก็บอกว่าเนี่ยเอาไปเลยลุงให้ ไปบอกให้ป้าทำต้มยำให้กินเลย คิดถูกๆ ตอนแรกก็เกรงใจนะ คือลุงอุส่าออกไปตั้งนาน ก็ยังเอาปลามาให้กินอีก ใจดีมากๆ ปลื้มมากๆเลยแหละ ไม่คิดว่าจะเจออะไรที่ทำให้ประทับใจขนาดนี้ สรุปหลังจากเล่นน้ำก็ได้กินข้าวอีกมื้อ 555555 วันนี้ก็ร่ำลาลุงกับป้า พร้อมบอกว่าพรุ่งนี้จะมาพักที่นี่ต่ออีกคืน ยิ้ม



พอตอนเย็นๆ พวกเราก็ขับรถออกมา blue sky เป็นรีสอร์ทที่ส่วนมากมีแต่คนไทย (คนบนเกาะเค้าว่ามางี้) หรูมากๆเลย ราคาอาหารขนมก็แพงอยู่ 55555 แค่อยากลองทานขนมเฉยๆ เลยสั่งมาอย่างสองอย่างพอ เดี๋ยวเปลืองตัง 55555











หรูหราฟรุ้งฟริ้งมาก เสียหายหลายแสนอยู่ 55555555555

ของหวานตกถึงท้องละก็กลับกันได้ ก่อนถึงที่พักก็แวะซื้อมาม่าตุนไว้ก่อน แถมได้ฟูลมูนมาคนละขวด คืนนี้กะนั่งชิวเล่นไพ่กันที่บังกะโลพร้อมจิบฟูลมูนกันไป บรรยากาศดีๆ กับเสียงคลื่นทะเล อ้าาาาฟินนน~~



สำหรับวันที่สองก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แยกย้ายกันไปนอนละ บรัยยย~


Day 3

เช้าวันที่สาม พวกเราตื่นกันมาประมาณ7โมง เพราะวางแผนจะกินมาม่า พร้อมรับแสงอาทิตย์ยามเช้า จากนั้นก็ไปนอนต่อ 55555 ตื่นอีกทีก็สิบโมง เก็บของเตรียมตัวcheck out ไปพักที่อ่าวคอกิ่วกับคุณลุงและคุณป้าที่เจอเมื่อวาน จากนั้นก็ออกไปหาอาหารมื้อเที่ยงกินกัน มื้อนี้เป็นส้มตำ ที่อยู่ใกล้ๆท่าเรือ อร่อยมากเลยทีเดียว 

แพลนวันนี้ของพวกเราคือจะไปอ่าวที่เหลือให้ครบ ที่แรกที่จะไปคืออ่าวกวางปีป 





พวกเราต้องจอดรถไว้ก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไป คือเดินไปไกลมากกว่าจะถึง ตอนแรกถอดใจตอนเดินขึ้นเขามาก เพราะเหนื่อยสุดๆ นี่ขนาดแค่ตอนเที่ยงนะ 555555 แต่เพื่อนอยากไปก็ต้องเดินไป ไหนๆก็มาแล้ว พอมาถึงก็แฮปปี้แหละ ได้เอาเท้าจุ่มน้ำทะเลก็หายเหนื่อยแล้ว~

ต่อมาเราก็ไปอ่าวหินขาว ตอนแรกหาทางเข้าไม่เจอเพราะทางเป็นทางเล็กๆ และทางไม่ค่อยดี พวกเราก็แว๊นกันเข้ามาอย่างทุลักทุเลสุดๆ 555555555 







พอเข้าไปถึงก็เงียบดี สงบมากกว่าอ่าวอื่นๆ เพราะคนอาจจะหาทางเข้าไม่เจอเหมือนพวกเราตอนแรกแหละมั้ง พอมาถึงก็เอาเท้าจุ่มน้ำนิดๆหน่อยๆเหมือนเดิม ถ่ายรูปเล่นเก็บบรรยากาศกันไป สักพักก็ไปต่อ 

แต่ระหว่างทางคอแห้งมาก ตั้งแต่มาที่นี่ยังไม่ได้กินน้ำหวานๆเท่าไร (ติดกินของหวานก็งี้แหละ55555) เราก็เลยบ่นกับเพื่อนหลายครั้งมากว่าอยากกินชานมเย็น - - เพื่อนนึกได้พอดีว่าตอนกินส้มตำมีร้านน้ำแถวๆนั้นก็เลยขับรถไปซื้อกัน ตอนแรกก็คิดแหละว่าของอะไรบนนี้ต้องแพงไม่เว้นแม้แต่น้ำ แต่ไม่เลย ร้านน้ำที่เราไปซื้อราคาแค่25บาท เท่ากันกับที่เคยๆซื้อทั่วไป พวกเรานี่งง รีบสั่งกันแทบไม่ทัน แล้วก็นั่งรอนั่งพักกันไป เพราะป้าเจ้าของร้านทำแบบสโลไลฟ์ คือช้ามาก 555555 พอได้กินก็ชื่นใจ เดินทางแว๊นกันต่อ 

บนเกาะพยามมีวัดด้วย พวกเราก็เลยขับรถมา ไหว้พระกัน บริเวณวัดเย็นสบายมาก จนเพื่อนพูดว่านอนวัดอีกคืนมั๊ย แต่ก็ต้องเบรคมันไว้ก่อน เพราะนี่ก็ผิดแพลนมาเยอะแล้ว 55555 





วัดจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปไหว้องค์พระข้างบน พอขึ้นไปจะมองเห็นโบถส์ที่อยู่กลางน้ำ เป็นวิวที่สวยอีกที่หนึ่งเลย 









พอลงมาพวกเราก็เลยเดินข้ามสะพานไปที่โบสถ์ ก็ไหว้พระอะไรกัน จากนั้นก็ถ่ายรูปกันตามสไตล์ คือแวะอยู่ตรงนี้นานมาก เพื่อนก็พลัดกันถ่ายรูปไป รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก แปปเดียวก็จะเย็นแล้ว คิดในใจว่าโห พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วหรอเนี่ย แอบเสียดาย เพราะยิ่งอยู่ก็ยิ่งชอบที่นี่ ยิ้ม

จากนั้นต่อไปเราก็จะไปอ่าวสุดท้ายกันคืออ่าวมุก ตอนแรกก็วนเวียนไม่รู้ไปทางไหน จนต้องถามทางคนที่นั่น ขับเข้ามาผ่านblue sky สักพักก็จะสุดทาง ต้องเดินไปต่อ (ในใจก็คิดว่าเดินอีกแล้วหรอ 55555) ก็เดินลงบันไดตามทางไป เจอรีสอร์ทสุดหรูติดแอร์ น่าอยู่ชะมัดเลยยย







ที่อ่าวนี้ก็สวย ทรายละเอียด ขาวดี พวกเราก็เดินไปตามหาด หยุดพักนั่งเล่นชิงช้า จนถึงประมาณเกือบๆห้าโมง ก็กลับที่พัก รีบไปเล่นน้ำตรงนั้นเป็นครั้งสุดท้ายของทริป~ 







เล่นน้ำกันจนมืดเลย 5555555 แล้วก็ขึ้นมากินข้าว กิจกรรมสำหรับคืนสุดท้ายคือการนั่งดูดาวชิวๆ กับบรรยากาศดีๆ จริงจังกับการดูดาวถึงขั้นที่โหลดแอปดูดาวมากันเลยทีเดียว เพราะตรงที่เราอยู่ไม่ค่อยสว่างมาก เลยยิ่งเห็นดาวชัดๆ แย่งกันดูดาวในโทรศัพท์ ว่าแต่ละจุดเป็นดาวอะไรบ้าง หลังจากคืนนี้ก็เลยทำให้เราชอบดูดาวมากขึ้นเลย เพราะได้อยู่กับเพื่อน ได้อยู่กับสถานที่ดีๆแบบนี้ ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่เลย ว่ามีความสุขแค่ไหน ถ้ามีโอกาสไปเที่ยว คุณผู้อ่านก็อย่าลืมดูดาวเล่นๆ ซึมซับบรรยากาศตรงนั้นหล่ะ ยิ้ม

Day 4

เช้านี้คุณป้าได้ทำอาหารเตรียมไว้ให้พวกเราแต่เช้า เพราะเมื่อคืนแกให้เขียนว่าอยากกินอะไรบ้างในวันนี้ พอตื่นมาจะได้กินเลยไม่ต้องรอ คุณป้าก็ยังใจดีกับพวกเราจนวันสุดท้ายเลยนะเนี่ย สุดท้ายแล้ว วันนี้เราก็ต้องบอกลาที่นี่แล้วสินะ เกาะพยาม พวกเราเก็บของ ร่ำลาคุณลุงคุณป้า แล้วขับมอเตอร์ไซค์ ไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟแถวๆท่าเรือ เป็นร้านที่คุณป้าแนะนำ บอกว่าไม่แพง 



จากนั้นก็ไปเอารถไปคืนที่ร้าน แล้วก็เดินเล่นรอเวลาขึ้นเรือกลับ นึกย้อนกลับไปวันแรกที่ได้มาที่นี่ ตื่นเต้นจัง จะเป็นยังไงนะ ไม่เคยเที่ยวไกลขนาดนี้เลย วันนี้ต้องกลับแล้วหรอเนี่ย จะได้มาอีกเมื่อไรนะ ได้เวลากลับแล้วจริงๆหรอ แต่ก็เอาหล่ะ สัญญากับตัวเองในใจแล้ว ว่าถ้ามีเวลาจะมาอีก 



การเดินทางครั้งนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า ทะเลทุกที่ไม่เหมือนกันจริงๆ แค่เกาะเดียวกัน หาดแต่ละหาดก็ไม่เหมือนกันไปทั้งหมด ความรู้สึก ที่ได้ไปแต่ละหาดก็ไม่เหมือนกัน หาดทรายก็ไม่เหมือนกัน ขอบคุณ ทุกสิ่งระหว่างทาง ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้สนุก แต่สุดท้ายที่การเดินทางของเรามีความสุข คงเป็นเพราะ... กลุ่มคนที่เราไปด้วยแหละมั้ง ที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่รู้ว่าถ้าพูดคำนี้ไป เราจะทำได้ไหม แต่.. ไว้ไปเที่ยวกันอีกนะ 

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน


ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2885737