รีวิว ไป "อุ๋ง" ครั้งหนึ่ง...คิดถึงตลอด "ปาย" By รถไฟฟรี

"ไอลอยเหนือผิวน้ำ รับกับบรรยากาศเย็นฉ่ำยามเช้า 
เหนือยอดสน มีหมู่ดาว..." 

สิ่งนี้ทำให้เราออกเดินทาง 



เมื่อ 7-12 มค. 59  ที่ผ่านมาเรากับเพื่อนๆรวมสามคน 
ไปผจญความหนาวกันมา และเจอเหตุการณ์นานามากมาย 
บางเรื่องก็ชิลอย่างไม่น่าใจหาย
แต่บางเรื่องก็โหดร้ายกับจิตใจพวกเรามาก 
ทีแรกเราก็ตั้งใจว่า จะเขียนกระทู้ขึ้นมา...เพื่อเป็นตราแห่งความทรงจำในการเดินทางครั้งนี้
แต่... การเดินทางของเราเกิดเรื่องราวผิดพลาด
ขึ้นหลายประการ ก็เลยตัดสินใจเขียน
เพื่อให้คนที่ต้องการข้อมูลเข้ามาอ่าน จะได้มีข้อผิดพลาดให้น้อยประการที่สุด 

แม้การเดินทางครั้งนี้จะไม่ได้มีเรื่องดีมากมายเท่าไหร่ แต่... "ความประทับใจ" มันแสนจะแน่นหนา 

ใครอยากฟังเราเล่าก็ตามมานะ. เอาเสื่อมาด้วย ฮ่าๆ 




การเดินทาง : กทม.-เชียงใหม่ By รถไฟฟรี (ทั้งไป-กลับ)
                      เชียงใหม่ - ปาย By รถตู้
                      ปาย - แม่ฮ่องสอน By รถตู้
                      แม่ฮ่องสอน- ปางอุ๋ง By รถสองแถว 
                      แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ By รถบัสหวานเย็น 
การเที่ยว : ปาย-ปางอุ๋ง-ตะลอนแม่ฮ่องสอน-ตะลอนเชียงใหม่-กลับบ้านอย่างปลอดภัย เย้~

งบประมาณสำหรับ 6 คืน 6 วัน : คนละประมาณ 3000 บาท เดี๋ยวมีแจ้งรายละเอียดในตอนท้ายจ้ะ 


เพื่อนร่วมทางที่มิได้สนิทสนมกันมาก่อนสำหรับเรา :  นิว&เนย 


       
                          
นี่แค่คร่าวๆ เพราะเราจะเล่ายาวมาก เผื่อบางทีอาจมีขี้เกียจหรือรำคาญ เผื่ออ่านแล้วยังไม่เจอสาระ ฮ่าๆ 
อย่าว่ากันนะ. เราขี้เพ้อไปหน่อย...
เราเขียนปล่อยตามความรู้สึกน่ะ. 
เอาล่ะ ตามมากันเลยย ยิ้ม



Day 1.  07/01/2559 
...รถไฟมา ตามารถไฟ...   ...รถไฟไป เราไปรถไฟ...~~ 



การนั่งรถไฟครั้งแรก แถมยังมีคำว่า "ฟรี" แทรกเข้ามา 
เราและเพื่อนตื่นเต้นกันใหญ่เลยค่ะ ตั้งหน้าตั้งตามารอรับตั๋วแต่เช้า...  
เขาให้เรามารับได้ตั้งแต่ 5.30 ก็แบบไม่เคยไปไหนด้วยรถไฟอ่านะ กลัวไม่ทันค่ะ แหกขี้ตามาตั้งแต่ตี 4 ณ สถานีหัวลำโพง 



ป้าย "กรุงเทพ" ขนาดใหญ่ พร้อมกับรถไฟขนาบสองข้าง 
ทำให้พวกเรารีบไปสร้างแลนด์มาร์ค แล้วรีบลากกันไปถ่ายรูป 







ความตื่นเต้นเริ่มหายไป เมื่อเวลาคลานไปอย่างเชื่องช้า... 
หืออออ เพิ่ง 7 โมงเองเหรอวะ คือรอบ กทม.-เชียงใหม่ จะออกจากสถานีไปตอน 13.45 น.   
และพวกเราก็มาทราบทีหลังว่า ไปขึ้นที่สถานีสามเสนก็ได้
แล้วไง? ไม่ทันละค่าาาา มานอนรอที่นี่แล้ว! 
ปล.แรก สถานีสามเสนมันใกล้ที่หลับนอนของพวกเรามากๆน่ะ
ปล.2 เที่ยวตั๋วรถไฟฟรีที่จะพาไปเชียงใหม่ มีรอบแรกและรอบสุดท้ายคือรอบเดียวนี้แหละค่ะ รับตั๋วได้ตั้งแต่ 5.30 น. รถออกเวลา 13.45 น.  1 บัตรประชาชน/ตั๋ว 1ใบ 



...ถึงเวลาอันน่าสนุกแล้วซี... ไอ้ที่แหกขี้ตามาตั้งแต่ตีสี่ ใกล้เป็นจริงละ 


ก่อนจะหาที่นั่งบนรถไฟ พวกเราก็หาอะไรยัดไส้ยัดกระเพาะกันให้เต็มที่ เพราะเนยบอกว่า รถไฟจะเป็นอาหารที่เราเลือกรับประทานไม่ค่อยได้ เราเห็นด้วยเลยว่าใช่... หยิบอะไรไปด้วยได้ก็ควรหยิบไปนะ. 





เรื่องของกิน ขอแอบมารีวิว "ไก่ทอดหัวลำโพง" 
กัดคำแรก... เหมือนมีคำๆนี้แทรกเข้ามาในเนื้อไก่ 
'กรอบนอก...นุ่มใน' เป็นคำบรรยายที่ควรจะแปะเอาไว้หน้าร้าน 
ความกรอบถูกโรยไปด้วยเครื่องเทศแห่งรสชาติ
ความนุ่มถูกราดด้วยเครื่องปรุงขนานใหญ่ 
กลมกล่อม กรุบกรอบ ยัดข้าวเหนียวตามลงไป 
ค่อยๆเคี้ยวๆ ค่อยไล้... อื้อหือ อร่อยแบบที่สุดแห่งไก่ 
ไม่เชื่อใช่มั้ย ไปแวะชิมกันได้... ขอการันตี! 
ถ้ากินแล้วไม่ได้รสชาติแบบนี้ พี่ก็ไม่เกี่ยวละ. ฮ่าๆๆๆ 





มันเป็นการนั่งรถไฟครั้งแรก อันนี้ ย้ำมากๆ 
เพราะตื่นเต้นมากๆ อยากจะจดจำเอาไว้... 
เพราะ คงไม่มีอีกแล้ว เวลาที่จะได้มานั่งรถไฟ เพราะต่อไปคงจะนั่งแต่เครื่องบิน 
เหตุเพราะพวกเรา กำลังจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย สู่วัยทำงานแบบเต็มตัว ซึ่ง... เป็นแน่แท้ว่า พวก แกร. แกร. แกร. จะมีเงินแต่ไม่มีเวลาไงยะ! นั่งรถไฟแบบช้าๆ...คงเป็นแค่เรื่องฝันใฝ่ ==' 



มีใครหลายคนบอกความทรหดอดทนต่อการขึ้นรถไฟมาต่างๆนานา เห้ย มันแสนจะปวดก้นเลยนะ.
เห้ย ห้องน้ำห้องท่าก็ไม่สะอาด.
เห้ย แกจะขยาด ถ้าแกได้ลองนั่งไป 
เห้ย มันเป็นโมเม้นที่แสนจะบรรลัย ที่สุดของการเดินทาง 
โอ้ว... รีวิวต่างๆ ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้ 
โอเค เรารับรู้ดี  
แต่เราจะไปนี่... เราจะไป 
จะลำบาก เราก็จะทน 
เพราะ "ก็ไม่มีเงินไง" ประหยัดอะไรได้ พวกเราจะทำ! 
เราทั้งสาม พร้อมปฏิบัติ !! 
เรายังจำคำเพื่อนเนยได้ดีว่า 
"เราจะกินมาม่ากันไงเพื่อน เรื่องกินไม่ใช่ปัญหา" 
แต่ปรากฏว่า... 
นางเป็นตัวหิว ตัวสรรหาของกินตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินทาง 
และตลอดทริปนางก็ไม่ได้แตะมาม่า 
ประหยัดกันจังเลยจ้า... เพื่อนๆ 5555 



บรรยากาศบนรถไฟ ไม่ได้บรรลัยอย่างที่คิด สำหรับเรา 
นอกจากเราจะหลับเอา หลับเอา 
เรายังได้รับลมเบาๆ ตลอดการเดินทาง แม้จะปวดร่างไปบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
16 hr. เราบ่ยั่น! เราจะอดทนกับมันให้มากที่สุดดดดด 

ที่นั่งบนรถไฟ เป็นสไตล์สมาคมเผชิญหน้า
จะแบ่งเป็นฝั่งซ้าย-ขวา
โดยแต่ละฝั่งจะได้นั่งสบตากัน 4 ที่นั่ง 
ถ้ามาด้วยกัน เขาจะจัดสรรที่ใกล้กันให้ และพวกเราก็ได้ตามนั้น เรานั่งเผชิญหน้ากันอย่างพอดี และอีกหนึ่งที่เป็นหญิงสาวที่มาเที่ยวคนเดียวอีกหนึ่งที่นั่ง
ถือเป็นความโชคดีทวีสุขของพวกเรา
เพราะการที่เป็นกลุ่มเดียวกัน และยังได้ผู้หญิงเหมือนกันมา 
พวกเราก็ทำการเจรจาแบ่งพื้นที่กันเหยียดขา และผลัดกันขยับองศาก้น 
เราก็เลยผ่านพ้นความเมื่อยไปได้มาก 



ตลอดระยะเวลา 16 hr. บนรถไฟ จะมีพ่อค้า-แม่ขาย เดินจำหน่ายของกินกันไปตลอดทาง 
ข้าวบ้าง อาหารบ้าง น้ำบ้าง ขนมบ้าง ตลอดทางจนเราจะไม่ไหว 
คือมันหอมน่ะ คือหิวน่ะ 
แต่... ต้องประหยัดเงินด้วยไง 
เกลียดแม่ค้ามากมายอ่ะพูดเลยยยยย
เห้ยย เมื่อไหร่ป้าแกจะหยุดขาย 
เห้ย! หอมอะไรนักหนา 
สรุปบนรถไฟรอบ กทม.-เชียงใหม่ เราซื้อแค่นวนิยายเท่านั้น 
3 เล่ม 20 อ่านแบบโคตรมันส์ 
ไม่ได้จ่ายค่าอาหาร แต่จ่ายค่าหนังสือ 
อื้อหือ ประหยัดจังเล๊ย. ==' 





Day 2 .1 08/01/2559
   มาหนาว@เชียงใหม่...มาเอนกาย 762 โค้ง 




เวลาประมาณตีห้า พวกเราก็พาคนละสองขามาเหยียบเชียงใหม่ 
หูยยย ตื่นเต้นมาก 
หนาวมากๆ นี่หรือคือเชียงใหม่ 
ไขมันที่สะสมไป เริ่มทำงานกันใหญ่เลยแหละครับบบ

จุดประสงค์แรกคือห้องน้ำ เพื่อชำระล้างขี้ตา 
ขอไม่พูดเรื่องอาบน้ำอาบท่า อาบก็บ้าแล้วค่ะ 5555 



จากนั้นพวกเราก็ดำเนินการหารถไปอาเขต 
สอบถามได้ความว่า ต้องหารถแดงนั่งไปเท่านั้น 
ด้วยความที่ไม่มีคน เราเลยเหมาสามคนหมดคัน 
ต่อราคากัน ได้ 100 บาท 
ก็ตกคนละประมาณ 30+ บาท ก็พอรับได้ 
รับได้ไม่ได้ก็ต้องไปล่ะนะ หนาววววสุดๆอ่ะ ไม่สามารถทนหารถอยู่ต่อไปได้ 



พอถึงอาเขต ก็เดินเตร็ดเตร่   เห้... ท่ารถไปปายอยู่ไหน 
คนก็บอก ทางนั้น ทางโน้น เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย 
พอไปถึง เห้ยย แถวจะยาวไปไหน? 
รีบต่อแถวเอาไว้สิพวกเรา 
คือรถไปปาย by รถตู้ มีอยู่หลายเที่ยวมาก 
ไปไม่ยาก หารถไปได้ง่ายๆ 
ราคา 150 บาท/คน  ราคาสบายๆ
  ใช้เวลาประมาณ 3 hr. ก็ถึงปายจ้ะ 
เราออกเดินทางจากอาเขตประมาณ 6.00 มันยังคงมืดๆอยู่ 
และเราก็เตรียมเพลงใส่หู เตรียมสองตาไว้ดูข้างทาง 
เมืองเชียงใหม่ยามเช้า ทำเราตื่นเต้นจัง 
มุ่งมาดคาดหมายว่า  จะมองข้างทางจนกว่าจะถึงปายให้ได้ 
กี่โค้งพี่ไม่แคร์ พี่จะไม่นอน พี่จะไม่อ้วก พี่จะไม่เมา พี่ต้องทำได้!! 
...และเราก็นั่งชิลมองเชียงใหม่ มุมเช้ามืดไปตลอดทาง...




พอรถตู้เริ่มปีนเขา ท้องฟ้ายามเช้าก็เริ่มสว่าง 
โค้งที่ใครเขาว่า เริ่มออกมาต้อนรับระหว่างทาง 
ต้นไม้ใหญ่ ทำเอาเรานั่งไม่ติดที่ 
คือตื่นเต้นอ่ะดิ เพราะเราเป็นคนที่ชอบต้นไม้มาก มากๆ มากกกกก  ไม่รู้จะลากเสียงให้สุดได้ยังไง 
ต้นไม้มันใหญ่ แถมใบยังเขียว 
รับกับโค้งอันคดเคี้ยว ท่ามกลางขุนเขา 
ท้องฟ้าก็ใส เมฆก็ลอยไปอย่างเบา ๆ
หันไปมองเหล่าเพื่อนสาว... เขาหลับยาวๆกันไปเรียบร้อย 




โห่ย จะเรียกมาถ่ายรูปข้างทางให้สักหน่อย น่ะเพื่อน 
ปล.กล้องเราถ่ายได้ไม่ค่อยสวย ภาพมันออกมาห่วยกว่าความเป็นจริง และภาพก็ไม่นิ่ง...เพราะรถมันวิ่งน่ะเพื่อน 










ชอบที่สุดก็คงจะเป็นช่วงเวลาของการเอนกายไปตามโคัง 
ไม่ว่าจะโค้งขึ้น หรือโค้งลง มันลุ้นและมันส์มากๆ 
มันส์จนลืมว่า  มองแต่ข้างทางมากๆ "มันสิฮากเด้ะ"   55555 
แต่เรามันไม่ธรรมดาน่ะ เราสุดแสนจะเท่ห์ 
เรานั่งมองธรรมชาติเกร๋ๆ ได้ตลอดทาง  #โม้






ธรรมชาติของฤดูหนาว ฟ้าจะใสมากๆอยู่แล้ว 
ต้นไม้จะแห้งหยาบ เปลี่ยนสี ผลัดใบ 
แต่ต้นไม้ที่นี่ ไม่เหมือนที่อื่น มันยังคงความเขียวชอุ่ม โอบอุ้มหัวใจคนรักสีเขียวอย่างเราเอาไว้ 
ขอบคุณฟ้าใส และใบไม้สีเขียว มากๆเลยนะ 
แต่พอการเดินทางใกล้ปายมากไปทุกที ต้นไม้ในพื้นที่ก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มแห้ง เริ่มเฉา เหมือนแถวบ้านเราเข้าไปทุกที 
แวบแรกที่เห็น นึกว่า เห้ย นี่มันบ้านเราชัดๆเลยนี่ 
ต้นไม้แห้งบนยอดเขา กับฝุ่นสีเฉาบนท้องถนน. 
บ้านเรือนก็แบบนี้ สภาพไร่นา ผู้คน...
โห้ อุตส่ามาแบบดั้นดน  คืออยากจะเจอความแปลกใหม่แปลกตา 
แอบผิดหวังนิดๆค่ะ ความลั้ลลา...เลยสตั๊นไป 



แต่พอเข้าสู่ถนนคนเมืองปาย ความน่ารักแบบปายสไตล์ก็ปรากฏมา
อาคารเตี้ยๆ เล็กๆ สีสันแปลกตา ทำให้ความลั้ลลากลับมาสู่เราอีกครั้ง 
สองข้างทาง เป็นบ้านเรือนสไตล์เหนือ เรือนไม้ 
ที่สะดุดใจเราใหญ่ คือ อิ่มสะดวก@ปาย ที่ดูน่ารักมากๆ 
โห เซเว่นที่นี่ โครตจะตัลล๊าคคค 
"นิวๆ เนยๆ  ดูดิ น่ารักมากๆ"  พอหันไป จะสะกิดเพื่อนรัก 
พวกนางก็นอนคอหักกันอย่างสามัคคี    อยากจะเซลฟี่กับพวกนางตอนหลับจัง 5555 





พอมาถึงสถานีรถตู้ @ปาย เพื่อนก็ตื่นจากความหลับไหล และเหมือนจะเมามายอย่างเต็มที่ 
"ก่อนไปที่ไหน นิว&เนย ขอกินก่อนดิ" 
ได้สิๆๆ จัดไปเลยเพื่อน 
พอสั่งโจ๊กได้ นางก็เลื่อนชามโจ๊กซัดใส่ไม่ยั้ง 
อร่อยจัง เพราะหิวเต็มที่ 
...อากาศเย็นสบายจัง... ฝรั่งก็หน้าตาดี 
เริ่มจะหลงรักเมืองนี้ 

ละ.







อ้อ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปตัวแม่ฮ่องสอน เราเลยจองตั๋วรถตู้ เวลา 8.30 น. เอาไว้ คือถ้าใครจะไปปางอุ๋งต่อแบบเรา ให้ดำเนินการตามนะคะ เดี๋ยวเต็ม 





พวกเราไม่ได้เช่าที่พักเอาไว้ ก็เลยไปเช่ามอไซด์เพื่อขับหาที่พัก 
เราได้ราคา 150 บาท/วันมา แต่ว่าเติมน้ำมันเอง 
เราไว้ใจเนย ผู้คาดว่าจะเก่งเรื่องการขับรถขับรา 
และทำการขับหาที่พักเอาแบบสบายใจ 
เนยขับรถได้ดีนะ แต่จำทาง...เหมือนนางจะไม่ค่อยไหว 
ยังไม่ถึงที่หมาย นางก็เลี้ยวซะละ 
เห้ย เนยเลี้ยวทำไมอ่ะ ยังไม่ใช่แยกนี้ 
เนย: เอ่าจิงดิ นึกว่าใช่ไง
ก็พากันขับวนใหม่ สุดท้ายก็เลี้ยวผิดเรื่อยไปอยู่นั่น 
แต่เราว่ามันก็ดีอยู่เหมือนกัน มันทำให้เราเห็นเส้นทางว่ามันเชื่อมกันยังไง และสุดท้ายเราก็ได้ที่พักที่ถูกใจสักที 
เรียกว่า ขี้เกียจหาแล้วก็ได้ ไม่ผิด 5555 



"เฮินปาย" เป็นบ้านไม้ราคา 800 ต่อคืน สงบ กลมกลืนกับบบรรยากาศภาคเหนือ  แล้วยังมีดอกไม้บานระเรื่อรอบตัวบ้าน 
เปิดเข้าไปปุ๊บ ชอบมากๆ มันดีมากๆ 
ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน หมอน หน้าต่าง ประตู ห้องอาบน้ำอาบท่า เห้ยมันโอเคเลยว่ะ เก็บข้าวของ เตรียมออกไปลั้ลลากันต่อ

 

เฮินปายเป็นเรือนไม้ 
เฮินปายมีน้ำอุ่น 
เฮินปายเหมือนบ้านของคุณ
เฮิยปายสะอาด ไม่มีฝุ่นสักเม็ด 
เฮินปายเตียงนุ่มมาก 
เฮินปายมีระเบียงเก้าอี้ หน้าห้องให้ 
เฮินปายมีสองชั้น มีบันได 
เฮินปาย มันใช่เลยเพื่อน 
...ไม่ได้ค่าโฆษณา...แค่ลั้ลลากับการแต่งเฉยๆ
ส่วนลดก็ไม่ได้เลย แต่ที่ออกมาเอ่ย เพราะ "ประทับใจ" ยิ้ม














Day 2.2 08/01/2559 
    ตะลอนปาย by มอเตอร์ไซด์







พวกเราแว๊นมอไซด์ ไปยังจุดหมาย คือ สะพานประวัติศาสตร์ปาย และโป่งน้ำร้อนท่าปาย ถ้าเวลาเหลือ ก็จะไปที่อื่นๆตามแผนที่ 
แต่ดูแล้วนี่ ไม่น่าจะไปไหนไหว คือแต่ละที่มันห่างไกลกันมาก ๆ 
เนยขับรถได้อืดมาก เวลารถสวนไป 
นางจะขับรถส่ายหลบ เกือบเอาหน้าไปประสบกับพื้นข้างถนนก็หลายที 
นิวก็บ่น เนย! แกนี่จะขับตอนยอนไปไหน คือนิวจะหล่นแล้ว 
แต่เนยก็ขับขึ้นเนินแบบ ค่อยๆตื้ดด เห้ย นี่แกได้บิดรถบ้างไหม? 
ส่วนเราบอก ขับแค่นี้ก็พอไหว ปลอดภัยดีเพื่อน 55555 
#ป็อดภัยไว้ก่อนตอนยอน by เนย 55555 
ตอนยอนหมายถึง? ...slow life slow ไปมั้ย อะไรเทือกนั้น. 55555 



การเดินทางไปยังที่หมาย คือการขับย้อนไป บนถนนหมายเลข 1049 คือย้อนกลับมาทางที่เรามาจากเชียงใหม่ 
โดยสะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ห่างจากตัวปาย 10 km. และโป่งน้ำร้อนท่าปาย ก็อยู่ถัดไปอีก 2 km. 
พวกเราเลือกไปโป่งน้ำร้อนก่อนเพราะกลัวจะมืดค่ำ และถนนก็กำลังสร้าง ฝุ่นก็เลยหนา ค่อยๆขับแบบตอนยอนนะ เพื่อความป็อดภัย. แต่นิวไม่เหมือนเรา นางเซ็งไม่พูดจากับใคร 
เนยๆ นิวมันหล่นข้างทางไปแล้วใช่ไหม เงียบหายไม่พูดไม่จา  5555





พอมาถึงโป่งน้ำร้อนท่าปาย เราต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 50 บาท ค่ารถเข้าอีก 20 บาท (มอไซด์นะ) 
แล้วก็จอดมอไซด์ไว้ และเดินเท้าไปอีกนิดหน่อย 
สภาพป่า ณ โป่งน้ำร้อน เป็นต้นไม้ใหญ่ขึ้นสลอนกันทั่วหน้า 
นักท่องเที่ยว เด็กน้อยชาวเขา ชาวต่างชาติ เดินเต็มป่า
ส่วนพวกเรา ถ่ายรูปตั้งแต่เห็นบ่อน้ำทิ้งแล้วค่ะ...  ไม่ค่อยจะเห่อเท่าไหร่ 






และ signature ของที่นี่ก็คือ "ต้มไข่" 
ไหนๆ ก็จับจองไข่คนละฟอง 
คือบริเวณด้านใน จะมีไข่ขาย เราซื้อมา 3 ฟอง 20 บาท 



ก่อนถึงบริเวณต้มไข่ จะมีลำธารใสให้อาบเล่นได้ 
เราไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาและไม่กล้าลงเล่น มีแต่เด็กๆและฝรั่งที่พากัน ถอดเสื้อผ้า แช่น้ำเย็นๆกันใหญ่ 
เราแอบมองซิคแพคบ้าง  พุงบ้าง กล้ามขาวๆบ้าง กล้ามลีบๆบ้าง ก่อนมุ่งหน้าสู่บ่อต้มไข่ 
เหอะๆ เดี๋ยวจะกลับมามองใหม่ อย่าเพิ่งรีบหนีไปไหนก่อนล่ะ. 



ณ บ่อต้มไข่ จะมีตะกร้าบริการเพื่อสะดวกในการเอาไข่ต้มน้ำ 
และพวกเราก็ทำการจับเวลา ไข่ออนเซ็น...ธรรมชาติ จะอร่อยมั้ยน้า? ติดตามตอนต่อไปค่ะ 
ไปหาที่เซลฟี่แปบบบ 





เขาบอกว่า ถ้ามาตอนเช้าๆ จะเห็นไอจากบ่อน้ำร้อนคละคลุ้งขึ้นมา 
ราวกับอยู่ในห้องอบซาวน่า กลางป่าธรรมชาติ 
หูยพลาดด อยากจะเจอบ้าง  สงสัยต้องมาอีกครั้งใช่มั้ย. 
ใช่ เราจะมาอีก... มาด้วยกันอีกนะ. นิว&เนย



เราเริ่มเป็นห่วงไข่ เห้ย กี่นาทีแล้ววะ 
สรุป ไม่มีใครจับเวลาไว้ค่ะ แต่ก็คาดว่าคงยังไม่สุกเท่าไหร่ ก็เลยพากันหาถ่ายรูปต่อ 




เราแอบเอามือไปจุ่มในน้ำที่ไหลลงมาจากบ่อ โหววว...ร้อนหนอร้อนจริงๆ 
เราพยายามจับภาพนิ่ง เวลาที่น้ำปุดขึ้นมา  
กว่าจะได้ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันน่ะ แต่ก็คุ้มค่า กับหลักฐานแห่งความทรงจำที่ได้ เย้. 





เราเก็บไข่ขึ้นจากบ่อ แล้วก็ไปหาเอาเท้าจุ่มน้ำ 
และน้ำนั้นต้องไม่เย็นฉ่ำ ต้องร้อนแบบให้เท้าดื่มด่ำจนขี้ไคลเปื่อย 
เห้ย ก็พูดไปเรื่อย พูดซะเสียชื่อ  55555 
และแล้วเราก็ได้แช่เท้าเพื่อสุขภาพ ในบ่อ 37 องศาเซลเซียส
และพวกที่นอนแช่ในลำธาร ถัดไป คงเครียดไม่เบา 
น้ำจากเท้าเรากำลังไหลลงไป ทีแรกก็คิดว่าตัวเองผิด 
เห้ย ไม่นะ. พี่ๆหลายคนก็มาแช่ก่อนอยู่แล้วไง 
โอเค ได้ ...สบายเท้าจัง... ยิ้ม 









ขณะเดินทางกลับ เราก็นำสำรับ ไข่ signature ขึ้นมาจิบ 
จะสุกจะดิบ ก็จะจิบแล้วนะ 
เพราะอยากกินท่ามกลางป่า สมกับที่ดั้นด้นมาไกล 
แต่เราเป็นคนที่ไม่ชอบกินไข่ต้มอยู่แล้วไง 
ไข่ออนเซ็นคงจะคล้ายๆ แต่ไม่เป็นไร 
เพื่อความเป็นคนที่มาถึง... โป่งน้ำร้อนท่าปาย จะไม่ยอมเสียชื่อ 
พอกระเทาะเปลือกไข่...  จิบความเหลวนิดๆของไข่ขาว เราก็ร้องอื้อ...



อื้อหือ ขออีกทีซิ เห้ยยยย... ขออีกทีดิ! รสชาดมันดีใช้ได้ 
กลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุง คล่องคอ อุ่นลิ้น กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจากไข่  สุดแสนจะบรรยาย ชิมมาชิมไป เหลือแต่ไข่แดง...  555
เราก็เลยรีบ ส่งไข่แดงตามไข่ขาวไป  เห้ย มันอร่อยจริงๆ 
มันหอมจริงๆ มันดีกว่าไข่ต้มเป็นไหนๆ 
...มันเป็นการกินไข่ออนเซ็นครั้งแรกในชีวิตด้วยไง... 
"ไข่ออนเซ็น @โป่งน้ำร้อนท่าปาย by บ่อธรรมชาติ" 
สุดยอดจริงๆแกร ไม่ควรพลาด ...มาชิมให้ได้ ^^ 





จากนั้นพวกเราก็นั่งรถมอไซด์ตื้ดตอนยอนของน้องเนย มาต่อที่สะพานประวัติศาสตร์ปาย และทำการถ่าย ถ่าย ถ่าย และถ่าย หลายๆรูป 



สะพานนี้ไม่มีอะไร มีแค่ให้เดิน slow life ตอนยอนไปตามเรื่องตามราว 
อาจจะยืนมองเมฆขาว เหม่อถึงใครสักคนก็ได้ 
คนเพ้อๆฉบับเรา ก็ยืนมองเงาตัวเองไป 
เอ ถ้ามีอีกเงาๆหนึ่ง โผล่มายืนข้างๆ สะพานนี้คงจะที่สุดของความสวยและแสนจะมีความหมาย  
หรือจะมองวิว แม่น้ำปาย...ก็สบายตาไปอีกแบบ ยิ้ม 



เรามองเห็นร้านพาล่องแพอยู่ข้างริมแม่น้ำ ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนพรำ
น้ำคงจะหลากกว่านี้ ...ถ้าใครอยากมาล่องแพก็เชคอินที่นี่ ในฤดูที่มีน้ำนะ... 



ส่วนนิวเนยของเรา ก็ถ่ายแบบกันแบบไม่ตอนยอนเลยค่ะ 
โพสท่า จนแสงแดดอาย 
ตามสบายเลยเพื่อน. 5555 









ระหว่างทางกลับพวกเราก็แวะ love strawbery @pai
โดยไม่แวะสถานที่ท่องเที่ยวใดต่อ 
เพราะเหนื่อยมาพอ หิว(อีก)ละ. 
เราเป็นคนที่ชอบกิน สตรอเบอร์รี่สมูทตี้มากๆ แอบเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มของที่นี่ เพราะมันมีราคาสูงมาก 
แก้วละ 70 up โอเคครับ เดี๋ยวคราวหน้ามากินใหม่ 
มาแบบนักศึกษาเลยต้องประหยัดกินประหยัดใช้ 
ไว้เจอกันใหม่นะ สมูทตี้ TT 





แต่บังเอิญนิวซื้อสตรอเบอร์รี่สด 1 แก้ว 30 บาทมา 
เปรี้ยวนิดๆหวานหน่อยๆ สรุปก็อร่อยนั่นแหละ 
แต่... น้ำสตรอเบอร์รี่ 1 ขวดที่เนยซื้อมา 
เราว่ามันไม่ค่อยจะโอเท่าไหร่ 
อยู่ที่คนด้วยมั้ง พวกนางบอก โอเคเลย มันดี อยากซื้อกลับบ้านไป 
แต่เพราะหนทางอีกยาวไง ค่อยไปซื้อเชียงใหม่ละกัน  (หึหึ) 





ความหิวโหยพัดพาให้เราไปแวะตลาด  ตลาดสด@ปาย 
ผักเอย ผลไม้เอย วางขายด้วยราคาน่ารัก 
แต่พวกเราไม่ได้สนใจนัก อยากจะหาอะไรกินกันดีกว่า 
หิวมาก อยากกินอะไรก็คว้าๆ 
แต่เราก็อยากจะลิ้มดูว่า ไก่ทอด@ปาย นี่จะเป็นไงนะ. 





รีวิวให้ฟังเลยดีกว่า... 555555 เขินจัง
ไก่ทอด@ปาย กัดไป...ต้องชะงักไว้สักครู่ 
อือ... ทำไมลิ้นไม่รับรู้อะไรเลยหว่า 
กัดอีกทีดิ หือ... ทำไมเครื่องเทศมันไม่ซึมเข้าไปในไก่เลยนะ. 
นิวก็เลยบอกว่า มันเป็นไก่ทอด original ฉบับชาวดอยไงล่ะ 
ทอดคลุกน้ำมันไปมาเฉยๆ 
โถ้ โถ้ โถ้เอ้ยยย... ไก่ทอดเฉยๆ ก็ยังได้ขาย 
อย่าบอกนะว่าถือสโลแกน งดปรุง ลดพุง ลดโรค ใช่มั้ย? 
พี่จะบ้าตาย... เนยๆขอกินหนังไก่ทอดปรุงรสของแกได้ไหม 
ไก่ทอด original มันทำเราอยากจะบ้าตาย 
ไว้อาลัย ลิ้นและลำไส้ ข้าพเจ้าเอย. 





หลังจากที่สองเพื่อนสาวกินอิ่มนอนอุ่นกันไปแล้ว 
พวกเราก็รีบแต่งตัวเดินแถวออกไปหาอะไรกินเพื่อปากท้อง 
ไปหาอะไรมองเพื่อดวงตา... 
ถนนคนเดินปาย คงจะมีอะไรน่ากิน น่ามอง สินะคะ. >< 
นิว&เนย รีบๆแต่งตัวเลยว่ะ เราอยากไปถนนคนเดินแล้ววว



สภาพบรรยากาศถนนคนเดินปาย ไม่ได้ทั่วไปอย่างที่เราเคยเห็นมา 
ก็เลยสรุปกับตัวเองว่า 
อื้อหือ เหล่าร้านค้า ทำไมน่ารักกันถึงเพียงนี้ 
เอกลักษณ์ภาคเหนือเรียงราย ผ่านงานฝีมือ 
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ขนม บทเพลง ช่างน่าซื้อ...
นี่ถ้ามีเงินมากๆอยู่ในมือ จะซื้อทุกร้านเลยยย
ชมภาพได้ By นิว&เนย



เราในฐานะผู้ไม่มีกล้องคล้องคอ ไม่สามารถเก็บหลักฐานอะไรมาได้ 
มีเพียงหนึ่งสมอง สองตา สองหู ที่จดจำ และหัวใจที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศมา
แค่อยากจะบอกว่า เวลามันเคลื่อนช้ามากๆ 
เสียงเพลงภาคเหนือ แว่วหวานขับกล่อมผู้คนเป็นหลัก 
แสงไฟ เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คน นึกว่าชื่อถนนคนน่ารักกกก 
และที่ชอบมาก... คือฝรั่งหล่อ ยังๆยังไม่พอ แฟนสวยด้วย TT





บรรยากาศของเส้นทางอันเรียบง่าย ถนนคนเดินปาย ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน... 
สองข้างทางวางของเรียงราย มันก็คล้ายกับถนนคนเดินทั่วไปอ่ะแหล่ะ 
แต่สำหรับเรา มันแปลกตรงที่.... มันสงบดี มันเหมือนไม่มีความวุ่นวาย 
คนเยอะก็จริง แต่เป็นกันเองมากมาย พูดแล้วก็อยากไปอีกอ่ะ ...หนีความวุ่นวายไปปายกันเถอะนิว.. เอ้ย เนยด้วย 5555 



นิวและเนยคะ มามะมาร่วมเดินเที่ยวถนนคนเดินด้วยกันใหม่... 
ยิ่งเห็นชอบอ่าน ยิ่งอยากเขียนให้ดี รูปให้ดี ไง.. 
ไปๆๆ ไปเดินต่อกันนนน 







เห็นรูปตุ๊กตาก็รู้สึกว่าน่ารักดี แต่พอเห็นเสื้อคู่นี่... พี่ก็จี๊ดเลยค่ะ 
คนเคียงคู่ในถนน มันตอกย้ำไม่พอใช่มะ 
ถึงได้เหลือบไปเห็นเสื้อคู่พอดีอ่ะ ..ไม่รู้พวกแกจะรู้สึกเหมือนเรามั้ยนะ.... เรารีบสะบัดหน้าเลยค่ะร้านนี้ !! 55555







ถนนมันมีสองข้าง พวกเราเลือกเดินแถบซ้าย 
แล้วตอนกลับ ค่อยย้ายมาฝั่งขวา 
ค่อยๆเดินก็เดินทั่ว เพราะถนนไม่ยาวมาก แต่มีต่ออีกหนึ่งแยก 
ส่วนใหญ่ของขายก็ปกติธรรมดา แต่ที่พิเศษหน่อย จะมีแบบเปิดกล่องทำนองปายอ่ะ 
ใส่เสื้อผ้ามาเล่นเพลง เต้นรำ ตามฉบับปาย 
ด้วยความเป็นคนสวยรักเด็กของเนย นางก็รีบเอ่ย ถ่ายรูปให้เราหน่อยนะ 
พวกนางก็แบบ โอ้ยน่ารักจัง น่ารักอ่ะ... สไตล์นิวเนยเขาล่ะ เราเหรอคะ? ...อืม ก็น่ารักดีนะ... แต่ฝรั่งที่เดินผ่านหน้า สุดยอดมากแกร. 5555555555












เนยบอกอยากได้ย่ามไปฝากแม่ แหมดูเป็นลูกที่น่ารักเลยนะ 
สรุป... แม่ได้ใช้ไหมล่ะ ไม่ประจานละ 55555 
ย่าม@ปาย ราคาสบายมาก ร้อยนิดๆ ร้อยเป็นหลัก บังเอิญเรากระเป๋าไม่ค่อยหนัก เลยซื้อไม่ได้ TT 



ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะหื่นฮา และบ้าฝรั่งหล่อมาก มากๆ 555 
เราเลยกระซิบนิวว่า เห้ยเพื่อน ถ่ายฝรั่งมาให้เราเยอะๆ นะ 
เห้ยย คนนั้นมันโดนมาก เห้ยคนนี้สุดแสนจะใช่ 
เนยผู้ไม่รู้เรื่องอะไร...   นางถามตาใสๆว่า อะไรกันเหรอวะเพื่อน 



นิวๆ เลื่อนกล้องไปทางนั้น เหมือนแฟนสุดหล่อเขาจะรู้ทัน 
หันมามองอย่างสงสัยยยย 
เอ่อ มันเป็นกลางคืน คนก็เคลื่อนไหว 
สรุปพลาดไง เสียดายที่สุดในชีวิตเลย 55555 




มาพูดเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่า แต่แบบก็รีวิวได้ไม่เยอะนะ.. 
เพราะพวกเรา ไม่ค่อยจะมีตังงเท่าไหร่น่ะ TT ต้องเข้าใจ 
ถ้าพวกเราได้มีโอกาสไปด้วยกันใหม่... กินกันทุกร้านเลยมั้ย  กินเนอะ ^^ 



น้ำกระบอกไม้ไผ่ ก็เป็นอะไรที่ธรรมชาติมากๆ น้ำก็ทั่วไปแต่พอเอามาใส่ไม้ไผ่ ก็เหมือนจะแปลกๆขึ้นมา 
ถ้าพ่อรู้ว่ามาซื้อคงโดนด่า นี่บ้านไม่มีไม้ไผ่เหรอฮะ? 
แต่...ก็อร่อยดีนะ ราคาอยู่ที่ 30 บาท 
มีแบบรีฟิลด้วย แบบถ้ามีกระบอก กรอกเติมได้ แต่เพิ่มอีก 10 บาท 
ก็เพลินดี นี่หมดไป 50 เลย 5555









ก่อนมานิวและเนยแอบบอกเรามาก่อนว่า... 
นิวและเนยชอบถ่ายรูปมากเลยนะ สุก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้!!! 
ภาพต่อไป พวกนางใช้เวลาถ่ายหลายนาที 
มีอะไรวะ กำแพงนี้.... ? 
มีความรู้สึก สนุกดี ของพกวเราไง 
แบร่! 55555 
ปล.เริ่มไม่ใช่กระทู้รีวิวละ ก็อย่างที่บอกไปว่า....เราชอบบันทึกความทรงจำกับคนที่เราไปทำอะไรด้วยกันมากกว่า.. ส่วนข้อมูลที่มีประโยชน์แก่ผู้อื่นก็ซ่อนอยู่ในความรู้สึกพวกนี้ล่ะ ต่อไปจะเขียนแบบอ่านกันเองละนะ ห้ามตัวเองไม่ไหวจริงๆ 55555






รีวิวข้าวปุกงาดำ เคี้ยวปั๊บชุ่มฉ่ำลิ้นนน 
แป้งเหนียว หนึบหนับ ฟันขยับ...โคตรฟิน 
ไปลองกิน อร่อยจริงๆ 555555






สำหรับพิซซ่า นิว&เนยบอกว่า เห้ยมันดีว่ะ 
เราไม่ชอบกินอยู่แล้ว ไม่อยากชิม 
แต่มันก็ผลักดันให้ลองกันน่ะ 
ก็อร่อยดีนะ แต่มันก็ยังเป็นแค่ 'พิซซ่า' สำหรับเรา =='





เมณูปิดดึกสุดท้าย ที่เราซื้อมาเซ่นไหว้ตัวเองก่อนนอน 
แม้จะอิ่มมาก แต่ก็อยากจะกินก่อน 
ข้าวดอยซูชิร้อนๆ จากเมืองปาย 
ความหนึบของข้าว เคี้ยวแล้วแบบ เห้ยมันใช่ 
รสอ่อนๆเหมือนซูชิทั่วไป แต่มันฟินตรงรู้ว่าเป็นข้าวดอยไง มันดูเหมือนไม่ธรรมดา แล้วข้าวมันเหมือนจะเม็ดใหญ่กว่าข้าวทั่วไปอ่ะ 
สรุปกับตัวเองว่า 'อาหย่อยมาก'





ว้าาาา... เดินนานๆก็เริ่มล้ากันแล้วสินะ 
สูญเสียกันไปเท่าไหร่ล่ะ น้ำกระบอกกกก 
แต่ก็ดีอยู่หรอก อร่อยดี ^^ 




ถึงเว อำ ลา ถนนคนเดินปาย... ไม่ต้องอาลัย ค่อยไปด้วยกันใหม่เนาะ เพื่อนเนาะะะ 5555

 



ไม่ได้อาลัยปาย... อาลัยผู้ชายนู่นนนนนน ...^^ หื่นฮาเป็นทุนเพียงลำพัง 
เพราะพวกนาง ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ #รึเปล่า 5555 





บายนะถนนคนเดินปาย บายจริงๆ 



Day 3 09/01/2559
ชมวิว อรุณสวัสดิ์หมอก ควันออกจากปาก~~~



พวกเราทำการนัดหมาย ตั้งนาฬิกาปลุกกันอย่างดีว่า 
เราจะตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปดูหมอกยามเช้า 
ก็นะ... ต้องตื่นสิ อุตส่าห์ตั้งนาฬิกา 
เราตั้งตี 4 พวกเพื่อนตั้งตี 5  พอเสียงนาฬิกาปลุกมา... ผ้าห่มมันก็หนา มันอุ่นอ่ะ... ปิดนาฬิกานอนต่อ 
พอเสียงนาฬิกาเนยดัง โอ้ยยย หนวกหูจัง เราลุกไปปิดค่ะ เรียกเนยนิว ตื่นได้แล้ว หมอกรอเราอยู่นะ 

..เพื่อนก็เฉย... 

เรียกอีกก็เฉย  เอออออ เฉยก็เฉยวะ ...เอาตัวเองยัดเข้าไปในผ้าห่มหนา... นอนต่อ

ตื่นมาอีกที เห้ยพวก! มัน 6 โมงแล้วว่ะ!!!!!!! 
ยังสลัวอยู่ ยังหนาวมาก ควันออกจากปากรัวๆ 
เรารีบเตรียมตัว ฝ่าความหนาวไป 
ไม่รู้หรอกว่าจุดชมวิวอยู่ที่ไหน 
เนยก็แว๊นตอนยอน ด้วยความหนาวสั่นไป~~~ 
บรื๋ออออ เย๊นสบายยยย อย่าแข็งตายก็พอ






และแล้วพวกเราก็พบกับจุดชมวิว เห็นหมอกปลิวตรงทิวเขา 
เอาตรงนี้แหละ จอดเลยๆๆๆ นี่แหละจุดชมวิวของเรา 
พูดอะไร ควันก็ออกจากปากขาวๆ....
มันเป็น signature ที่ดีที่สุดของความหนาว จริงๆ.
ยิ่งสภาพอากาศ กทม.ตอนนี้ ร้อนดำดิ่ง
อยากเอากายไปสิงน้ำแข็งจัง.



ไปชมภาพบรรยากาศดีกว่าเนอะ .ขอลงเยอะๆเลยละกัน
จุดประสงค์หลัก ของนักเพ้อฝันอย่างเรา
ในเช้าที่อากาศหนาว มากๆ 
คือการได้เอาควันขาวๆออกจากปากนี่แหละ 
มันเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่ควรแชร์ ...แชร์ควันนน... 555555 
แต่ถึงอย่างไรก็อยากจะมาหนาว @ปายอีกครั้งนะ.











หลังจากชมวิวเสร็จสรรพ เราก็เชคเอาท์ออกจากเฮินปาย และนำมอเตอร์ไซด์ไปคืน 
คือระเบียบการเช่าคือ 24 hr. ยืม 10 โมง คืน 10 โมงของวันถัดไปงี้. 
รถตู้จะออกจากปาย 8.30 น. 
พวกเราก็เลยขอ รับประทานอาหารเช้ากันก่อน 
นิว&เนย ก็ยังคง want โจ๊กร้อนๆ 
เราไม่ชอบของอ่อน เลยขอของหนัก 
"เหนียวไก่ทอดที่รัก" 1 ที่ค่ะ 5555







ไก่ทอด@ปาย ณ เช้าวันใหม่น่ากินมาก 
ชื่อร้านก็น่ารัก "ไก่ทอดหาดไม่ใหญ่" ว่าจะเปลี่ยนชื่อให้ใหม่
"ไก่ทอดน่องใหญ่ไร้หาด" 
เพราะมันหอม ชะมัดยาด หื้มมม...จะไม่พลาดต้องรีวิว
เราซื้อไก่ทอดมาราคา 20 บาท 
ข้าวเหนียวห่อละ 10 เป็นข้าวเหนียวดำ อร่อยล้ำมากๆ 
จริงๆ นี่ไม่ได้เวอร์นะ จริงๆนะ
หอมและกรอบมาก 
ไก่ทอดหัวลำโพง "กรอบนอกนุ่มใน" 
แต่ไก่ทอดหาดไม่ใหญ่ "นุ่มในกรอบนอก" มันไม่เหมือนกันหรอกจริงๆ >< 5555555




สิบนิ้วไม่พนม หัวก้มมองไก่ ใจเย็นๆไว้อย่าเพิ่งสั่น
สูดดมสักนิด ต่อชีวิตกันสักวัน... หอมมากกก อยากเขมือบแต่หนาวไงก็เลยสั่น แต่ความร้อนของไก่ก็ยังพร้อมประชันความหนาววว 
4 นิ้วพร้อมใจ ฉีกไก่กรอบๆออกมา 
ส่งเข้าปาก เคี้ยว ลิ้นเลี้ยว คลุกเคล้า 
ยัดข้าวเหนียวนิ่มๆ อร่อยมากกกกก อร่อยแบบ ไม่ต้องจิ้ม. 
ข้าวเหนียบมันนิ่ม ไก่มันก็กรอบ 
โอ้ยย กินแบบไม่อยากจะตอบคำถามใคร 
เครื่องเทศคือแบบ เข้มข้นมาก 
เนื้อก็นิ้มละมุนละไม 
หอมใบมะกรูด นี่มันสูตรอะไรคะ. 
"ที่สุดของความอร่อยยอกเลยอ่ะ" ตั้งแต่เคยกินมา อันนี้น่าแนะนำสุด. ใครแวะมาปาย มานั่งให้ไว เร็วววว





มีใครหลายคนบอกว่า "เมืองปาย" ไม่สงบเรียบง่ายเหมือนแต่ก่อนละ
แต่เราก็ยังอยากมาเห็นกับตาอ่ะ ว่าแต่ก่อน กับตอนนี้ จริงๆมันเป็นยังไง แต่แค่ก้าวแรกที่ได้สัมผัส 
ก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ 
ต่อให้แต่ก่อนปายจะเป็นยังไง... แต่ปายปัจจุบันก็ยังคงดึงดูดให้ เราอยากจะ @ปาย อีกครั้ง อยาก see U again จัง เมืองปาย



ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2087195