เมื่อปิดเทอมมาถึง ได้เวลาพักผ่อนแล้วเลยคิดกับเพื่อนๆว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีที่ไม่ไกลจากกทม.มากนักและด้วยงบประมาณที่มีจำกัดใช้สอยอย่างประหยัด เรา9คนจึงตัดสินใจไปเที่ยวน้ำตกที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน
08.00 เริ่มการเดินทางด้วยรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก มาขึ้นรถไฟที่สถานีตลิ่งชัน
พอมาถึงก็เอาบัตรประชาชนไปแลกตั๋วรถไฟฟรีมา
08.05 รถไฟมาแล้วววววเลทมาประมาณ5นาที
ระหว่างการเดินทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
10.45 และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที
จากนั้นเราคิดกันว่าจะไปตลาดเพื่อซื้อของสดไปทำบาร์บีคิวกันที่อุทยาน แต่ไม่รู้จะไปยังไงเลยไปถามพี่วินมอไซ เค้าคิด25บาท แต่ถ้าซ้อนกันไปคนละ 20บาท
11.30 เรามาถึงตลาดจ่ายเงินพี่วินเสร็จสับ ปรากฎว่าตลาดที่ว่าคือตลาดขายเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีอาหารบ้างประปรายแต่
ไม่มีของสด!!!!!! แพลนที่วางมาพังหมดบาร์บีคิวปิ้งย่างแคมปิ้งชั้นหละ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของทริป #kankinaraitrip จะกินอะไรวะเนี่ย
ด้วยความหิวและไม่มีอะไรกินเลยเข้าเซเว่นซื้อขนมนมเนยกินกันไปก่อน จากนั้นติดกับตลาดเป็นขนส่งพอดีเราเลยมานั่งรถบขส.เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติเอราวัณ (คนละ50บาท)
ตารางเวลารถไป-กลับ
11.50 เริ่มออกเดินทางต่อ
โอ้ะโอคนเยอะเนอะขี้เกียจเบียดนั่งพื้นดีกว่า ติสมากมั้งแกร
13.15 และแล้วววววเมื่อเรามาถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ รถจะหยุดจอดและมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเก็บค่าเข้า ปกติคนละ 100 บาท แต่เราพกบัตรนิสิตไปด้วยเสียครึ่งราคา 50 บาท
ปล.บัตรเค้าคงหมดเลยใช้บัตรของแก่งกระจานแทนมั้ง55555
ถึงซะทีนะ
เมื่อมาถึงแล้วเราก็ไปจัดการติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต็นท์ที่เราจองไว้ออนไลน์ผ่านทาง http://dnp.go.th/parkreserve/tent_reservation.asp?lg=1เต็นท์ละ 150 บาทนอนได้ 2 คน เต็นท์ละ 225 บาทนอนได้ 3 คน (ตกคนละ75บาท)
ทางเดินทางนี้จะมีสะพานไม้ให้ข้ามซึ่งไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร มีป้ายปักว่าห้ามเดินผ่านพร้อมกันเกิน 5 คน
แต่เพื่อนเราอ้วนเดิน 2 คนก็พอเดี๋ยวพัง 5555555555555
พอมาถึงจุดทำการ เจ้าหน้าที่ก็จะถามว่าเราจะเช่าอะไรเพิ่มไหม มีทั้งที่รองนอน หมอน ผ้าห่ม เตาถ่าน ฯลฯ
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็แบกหมอนผ้าห่มที่เช่าเพิ่มไปยังจุดกางเต็นท์
วิวดีมากกกกติดริมแม่น้ำเย็นชื่นใจ
ภายในเต็นท์แอบสวยดูดีกว่าที่คิดไว้
15.30 เมื่อจัดการเรื่องที่พักเสร็จหิวข้าวแล้วเลยหาอะไรรองท้องซะหน่อย ที่อุทยานมีร้านอาหารประมาณ 5-6 ร้าน ส่วนมากจะเป็นอาหารตามสั่งและส้มตำไก่ย่าง เราเลือกกินอาหารตามสั่ง ข้าวพริกเผาปลาหมึก(อีกแล้ว) ราคา 50 บาทรสชาติก็ไม่ได้ดีมากนัก
มีร้านกาแฟด้วย
เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าข้างหน้าทางเข้าอุทยานมีตลาดขายของสดอยู่ปิด 6 โมงเย็น แต่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลยคิดว่ากินแถวนี้ก็ได้ขี้เกียจเดิน+เสียเวลาด้วย
เมื่ออิ่มท้องแล้วเลยเดินไปที่น้ำตกกะว่าจะเล่นน้ำสักชั่วโมงสองชั่วโมง
ชั้นที่ 1 "ไหลคืนรัง" ไม่มีอะไรมากนัก น้ำขุ่น คนไม่นิยมเล่นกัน
ชั้นที่ 2 "วังมัจฉา" คนเล่นกันเยอะเพราะตอนขึ้นไปชั้นนี้ประมาณ4โมง ชั้น3ปิดแล้ว
ปลาตอดขาเยอะมาก ตัวเล็กๆไม่เท่าไร ตัวใหญ่ก็นะจี๊ดๆ
17.00 ปี๊ดดดดดดเจ้าหน้าที่มาเป่านกหวีดให้ออกจากบริเวณน้ำตกได้แล้ว
เล่นน้ำเปียกปอนกันเสร็จก็กลับมาที่เต็นท์นั่งพักซักพักก่อนไปอาบน้ำ วิวดีมากพระอาทิตย์ส่องภูเขาด้านหลังเป็นสีทอง
อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จก็ไปซื้ออาหารเย็นมากินกัน แต่ต้องรีบหน่อยนะเพราะร้านค้าต่างๆปิดกันประมาณ 2 ทุ่ม
มองฟ้าอีกทีทำไมส้มๆ อ่อไฟไหม้จ้าาาาา กลับไปที่เต็นท์ห้ะไฟไหม้อะแกรยังไม่อยากตายนา
เดินไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานได้ความว่า อากาศแห้งต้นไม้เลยเสียดสีกันเกิดไฟป่า แต่มีแม่น้ำขั้นอยู่ระหว่างภูเขากับอุทยาน
โล่งใจไปได้แต่นอนดูไฟยามดึก
Day 2...
05.30 กริ๊งงงกะว่าตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ตื่นมากลับพบกับคำว่า มืด มืดและมืด นอนต่อดีกว่า
07.00 เพื่อนก็ไม่ตื่นเราก็ไม่ตื่น ตื่นอีกทีพระอาทิตย์ไปไกลละจ้า 55555
อากาศเย็นประมาณ 21 องศาและมีหมอกลง
ควันไฟไหม้ภูเขาเมื่อวานยังอยู่เลย
09.00 แต่งตัวกันเรียบร้อยก็ไปกินข้าวพร้อมออกเดินทาง
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไป-กลับโดยรถไฟฟรี แต่ตื่นสายเวลาเลยไม่ค่อยพอกลัวจะไปไม่ถึงน้ำตกชั้น7 เลยเปลี่ยนแพลนกลับรถบขส.เข้าตัวเมืองจากรอบ 12.00 เป็น 14.00 แทนและขึ้นรถตู้กลับกทม.
10.00 เริ่มเดินทางไปน้ำตก ผ่านชั้น1และชั้น2
ก่อนขึ้นไปยังน้ำตกชั้น 3-7 ใครที่พกขวดน้ำมาด้วยต้องทำการมัดจำขวดใบละ 20 บาท เมื่อกลับลงมานำขวดลงมาด้วยก็มารับเงินคืนได้เพื่อลดปัญหาการทิ้งขยะบนน้ำตก
ชั้น 3 "ผาน้ำตก"
ชั้น 4 "อกนางผีเสื้อ" ชั้นนี่มีสไลเดอร์ด้วย
ทางเดินสูงชันมากมากกกหอบแฮ่กๆกันเลยทีเดียว
ระหว่างทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหนื่อยๆก็แวะพักจุดพักชมวิว
ชั้น 5 "เบื่อไม่ลง"
ซูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ชั้น 6 "ดงพฤกษา" พี่ที่ขึ้นไปก่อนเดินลงมาบอกว่าไม่มีอะไรน้ำไม่เยอะ เลยไม่ได้เดินตามขึ้นไป
12.00 เราใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อมาถึงจุดสูงสุด
ชั้น 7 "ภูผาเอราวัณ" โอโหถึงแล้ววว 2,000 เมตรคุ้มค่ากับที่เดินขาลากขึ้นมา น้ำตกสวยมากสีขาวๆฟ้าๆใสๆ
เหมือนน้ำแข็งเกาะเลยงือออสวย
เดินขึ้นมาสูงสุดแล้วก็ถึงเวลาเดินลง
13.30 ใช้เวลาเดินลงประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็ถึงพื้นดิน(?)
นั่งพักกินน้ำกินท่า เก็บข้าวของรอขึ้นรถกลับรอบ
14.00 นั่งรถบขส.คันเดิมกลับไปยังขนส่ง
15.30 ถึงขนส่งกาญจนบุรี
นั่งรถตู้กาญจนบุรี-กทม. รถออก 16.00 ถึงกทม. 18.00 คนละ 100 บาท
สรุปค่าใช้จ่าย
-ค่ารถบขส.ไป-กลับอุทยาน 100
-ค่าเช่าเต็นท์+เครื่องนอน 95
-ค่าเข้าอุทยาน 50
-ค่ามอไซ 20
-ค่าอาหารประมาณ 300
-ค่ารถตู้กลับ 100
คำแนะนำ
-ควรใส่รองเท้าผ้าใบเพราะเดินเยอะเมื่อยเท้ามาก
-ควรนำเสื้อกันหนาวและไฟฉายติดตัวไปด้วย
จบแล้วสำหรับทริปกาญจนบุรีนี้ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะบ้ายบายยย
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2294811
08.00 เริ่มการเดินทางด้วยรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก มาขึ้นรถไฟที่สถานีตลิ่งชัน
พอมาถึงก็เอาบัตรประชาชนไปแลกตั๋วรถไฟฟรีมา
08.05 รถไฟมาแล้วววววเลทมาประมาณ5นาที
ระหว่างการเดินทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
10.45 และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที
จากนั้นเราคิดกันว่าจะไปตลาดเพื่อซื้อของสดไปทำบาร์บีคิวกันที่อุทยาน แต่ไม่รู้จะไปยังไงเลยไปถามพี่วินมอไซ เค้าคิด25บาท แต่ถ้าซ้อนกันไปคนละ 20บาท
11.30 เรามาถึงตลาดจ่ายเงินพี่วินเสร็จสับ ปรากฎว่าตลาดที่ว่าคือตลาดขายเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีอาหารบ้างประปรายแต่
ไม่มีของสด!!!!!! แพลนที่วางมาพังหมดบาร์บีคิวปิ้งย่างแคมปิ้งชั้นหละ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของทริป #kankinaraitrip จะกินอะไรวะเนี่ย
ด้วยความหิวและไม่มีอะไรกินเลยเข้าเซเว่นซื้อขนมนมเนยกินกันไปก่อน จากนั้นติดกับตลาดเป็นขนส่งพอดีเราเลยมานั่งรถบขส.เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติเอราวัณ (คนละ50บาท)
ตารางเวลารถไป-กลับ
11.50 เริ่มออกเดินทางต่อ
โอ้ะโอคนเยอะเนอะขี้เกียจเบียดนั่งพื้นดีกว่า ติสมากมั้งแกร
13.15 และแล้วววววเมื่อเรามาถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ รถจะหยุดจอดและมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเก็บค่าเข้า ปกติคนละ 100 บาท แต่เราพกบัตรนิสิตไปด้วยเสียครึ่งราคา 50 บาท
ปล.บัตรเค้าคงหมดเลยใช้บัตรของแก่งกระจานแทนมั้ง55555
ถึงซะทีนะ
เมื่อมาถึงแล้วเราก็ไปจัดการติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต็นท์ที่เราจองไว้ออนไลน์ผ่านทาง http://dnp.go.th/parkreserve/tent_reservation.asp?lg=1เต็นท์ละ 150 บาทนอนได้ 2 คน เต็นท์ละ 225 บาทนอนได้ 3 คน (ตกคนละ75บาท)
ทางเดินทางนี้จะมีสะพานไม้ให้ข้ามซึ่งไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร มีป้ายปักว่าห้ามเดินผ่านพร้อมกันเกิน 5 คน
แต่เพื่อนเราอ้วนเดิน 2 คนก็พอเดี๋ยวพัง 5555555555555
พอมาถึงจุดทำการ เจ้าหน้าที่ก็จะถามว่าเราจะเช่าอะไรเพิ่มไหม มีทั้งที่รองนอน หมอน ผ้าห่ม เตาถ่าน ฯลฯ
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็แบกหมอนผ้าห่มที่เช่าเพิ่มไปยังจุดกางเต็นท์
วิวดีมากกกกติดริมแม่น้ำเย็นชื่นใจ
ภายในเต็นท์แอบสวยดูดีกว่าที่คิดไว้
15.30 เมื่อจัดการเรื่องที่พักเสร็จหิวข้าวแล้วเลยหาอะไรรองท้องซะหน่อย ที่อุทยานมีร้านอาหารประมาณ 5-6 ร้าน ส่วนมากจะเป็นอาหารตามสั่งและส้มตำไก่ย่าง เราเลือกกินอาหารตามสั่ง ข้าวพริกเผาปลาหมึก(อีกแล้ว) ราคา 50 บาทรสชาติก็ไม่ได้ดีมากนัก
มีร้านกาแฟด้วย
เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าข้างหน้าทางเข้าอุทยานมีตลาดขายของสดอยู่ปิด 6 โมงเย็น แต่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลยคิดว่ากินแถวนี้ก็ได้ขี้เกียจเดิน+เสียเวลาด้วย
เมื่ออิ่มท้องแล้วเลยเดินไปที่น้ำตกกะว่าจะเล่นน้ำสักชั่วโมงสองชั่วโมง
ชั้นที่ 1 "ไหลคืนรัง" ไม่มีอะไรมากนัก น้ำขุ่น คนไม่นิยมเล่นกัน
ชั้นที่ 2 "วังมัจฉา" คนเล่นกันเยอะเพราะตอนขึ้นไปชั้นนี้ประมาณ4โมง ชั้น3ปิดแล้ว
ปลาตอดขาเยอะมาก ตัวเล็กๆไม่เท่าไร ตัวใหญ่ก็นะจี๊ดๆ
17.00 ปี๊ดดดดดดเจ้าหน้าที่มาเป่านกหวีดให้ออกจากบริเวณน้ำตกได้แล้ว
เล่นน้ำเปียกปอนกันเสร็จก็กลับมาที่เต็นท์นั่งพักซักพักก่อนไปอาบน้ำ วิวดีมากพระอาทิตย์ส่องภูเขาด้านหลังเป็นสีทอง
อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จก็ไปซื้ออาหารเย็นมากินกัน แต่ต้องรีบหน่อยนะเพราะร้านค้าต่างๆปิดกันประมาณ 2 ทุ่ม
มองฟ้าอีกทีทำไมส้มๆ อ่อไฟไหม้จ้าาาาา กลับไปที่เต็นท์ห้ะไฟไหม้อะแกรยังไม่อยากตายนา
เดินไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานได้ความว่า อากาศแห้งต้นไม้เลยเสียดสีกันเกิดไฟป่า แต่มีแม่น้ำขั้นอยู่ระหว่างภูเขากับอุทยาน
โล่งใจไปได้แต่นอนดูไฟยามดึก
Day 2...
05.30 กริ๊งงงกะว่าตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ตื่นมากลับพบกับคำว่า มืด มืดและมืด นอนต่อดีกว่า
07.00 เพื่อนก็ไม่ตื่นเราก็ไม่ตื่น ตื่นอีกทีพระอาทิตย์ไปไกลละจ้า 55555
อากาศเย็นประมาณ 21 องศาและมีหมอกลง
ควันไฟไหม้ภูเขาเมื่อวานยังอยู่เลย
09.00 แต่งตัวกันเรียบร้อยก็ไปกินข้าวพร้อมออกเดินทาง
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไป-กลับโดยรถไฟฟรี แต่ตื่นสายเวลาเลยไม่ค่อยพอกลัวจะไปไม่ถึงน้ำตกชั้น7 เลยเปลี่ยนแพลนกลับรถบขส.เข้าตัวเมืองจากรอบ 12.00 เป็น 14.00 แทนและขึ้นรถตู้กลับกทม.
10.00 เริ่มเดินทางไปน้ำตก ผ่านชั้น1และชั้น2
ก่อนขึ้นไปยังน้ำตกชั้น 3-7 ใครที่พกขวดน้ำมาด้วยต้องทำการมัดจำขวดใบละ 20 บาท เมื่อกลับลงมานำขวดลงมาด้วยก็มารับเงินคืนได้เพื่อลดปัญหาการทิ้งขยะบนน้ำตก
ชั้น 3 "ผาน้ำตก"
ชั้น 4 "อกนางผีเสื้อ" ชั้นนี่มีสไลเดอร์ด้วย
ทางเดินสูงชันมากมากกกหอบแฮ่กๆกันเลยทีเดียว
ระหว่างทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหนื่อยๆก็แวะพักจุดพักชมวิว
ชั้น 5 "เบื่อไม่ลง"
ซูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ชั้น 6 "ดงพฤกษา" พี่ที่ขึ้นไปก่อนเดินลงมาบอกว่าไม่มีอะไรน้ำไม่เยอะ เลยไม่ได้เดินตามขึ้นไป
12.00 เราใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อมาถึงจุดสูงสุด
ชั้น 7 "ภูผาเอราวัณ" โอโหถึงแล้ววว 2,000 เมตรคุ้มค่ากับที่เดินขาลากขึ้นมา น้ำตกสวยมากสีขาวๆฟ้าๆใสๆ
เหมือนน้ำแข็งเกาะเลยงือออสวย
เดินขึ้นมาสูงสุดแล้วก็ถึงเวลาเดินลง
13.30 ใช้เวลาเดินลงประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็ถึงพื้นดิน(?)
นั่งพักกินน้ำกินท่า เก็บข้าวของรอขึ้นรถกลับรอบ
14.00 นั่งรถบขส.คันเดิมกลับไปยังขนส่ง
15.30 ถึงขนส่งกาญจนบุรี
นั่งรถตู้กาญจนบุรี-กทม. รถออก 16.00 ถึงกทม. 18.00 คนละ 100 บาท
สรุปค่าใช้จ่าย
-ค่ารถบขส.ไป-กลับอุทยาน 100
-ค่าเช่าเต็นท์+เครื่องนอน 95
-ค่าเข้าอุทยาน 50
-ค่ามอไซ 20
-ค่าอาหารประมาณ 300
-ค่ารถตู้กลับ 100
คำแนะนำ
-ควรใส่รองเท้าผ้าใบเพราะเดินเยอะเมื่อยเท้ามาก
-ควรนำเสื้อกันหนาวและไฟฉายติดตัวไปด้วย
จบแล้วสำหรับทริปกาญจนบุรีนี้ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะบ้ายบายยย
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2294811