เอาทริปวันหยุดยาวเข้าพรรษาที่ผ่านมาให้ชมกันค่ะ
ทริปนี้ มีเหตุทำให้เราไม่สามารถวางแผนเดินทางล่วงหน้าได้เลย ต้องรอสามวันสุดท้ายถึงได้เริ่มติดต่อจองที่พักกัน
และก็เป็นไปตามคาด ที่พักทำเลดีๆ ที่เล็งเอาไว้ มันเต็มไปหมดแล้วค่ะ
พอดีมีงานท่องเที่ยวที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันเสาร์เราไปตามหาและจองที่พักที่มีว่างในวันจันทร์ได้ที่เชียงคาน
กับโทรศัพท์ไปจองตรงกับที่พักภูทับเบิก ได้วันอังคารมาครบแล้ว ก็มีเวลาจัดกระเป๋าเตรียมตัวหนึ่งวันแล้วออกเดินทางกันค่ะ
วันจันทร์ ออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ ตี 4 ถึงอ.วิเชียรบุรีประมาณแปดโมง เราแวะซื้อไก่ย่างบัวตองเอาไปนั่งทางกันที่ศาลาของวัดไตรภูมิ
พร้อมสักการะพระพุทธมหาธรรมราชาด้วยค่ะ ( มัวแต่นั่งฉีกไก่ จกข้าวเหนียว มือไม้เลอะ เลยไม่มีภาพมาฝากค่ะ )
จากนั้นเราก็ไปแวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย ต้องจอดรถแล้วนั่งรถสองแถวของชาวบ้านขึ้นไปประมาณ 800 เมตร ค่ารถไป-กลับ 20บาทค่ะ
ไปถึงภูเรือเกือบสิบเอ็ดโมง อากาศไม่ร้อนค่ะ
ไปถึงเชียงคานประมาณบ่ายสองครึ่ง เราแวะที่แก่งคุดคู้ ชมวิวแม่น้ำโขง ก่อนเข้าที่พักค่ะ
มีบริการนั่งเรือ ติดต่อได้ตามนี้เลยค่ะ
จากนั้นเราก็เข้าที่พัก ซื้อจากงานท่องเที่ยว ชือที่พัก จันทราวาริน ค่ะ ที่พักอยู่ซอย 13 เดินไปถนนคนเดินไม่ไกลค่ะ
ข้อเสียอย่างเดียว คือ มีที่จอดรถน้อย ต้องไปจอดที่วัดค่ะ ( จอดในบ้านได้ 1 คัน หน้าบ้านได้ 2 คัน ) ซึ่งเป็นปรกติของที่พักแถวนี้อยุ่แล้วค่ะ
เป็นบ้านชั้นเดียว เราได้ห้องใหญ่ มีแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น นอน 4 คน + เสริมเตียง 1 ราคาทั้งหมด 2,650 บาท
มีอาหารเช้าและชุดใส่บาตรให้ฟรีค่ะ ( เด็กเล็กไม่คิด )
ในห้องพักไม่มีตู้เย็น แต่ด้านนอกมี กาแฟ โอวันติน น้ำเย็นบริการฟรีค่ะ
เก็บสัมภาระเสร็จแล้วก็ออกไปเดินเล่นกันนิดนึงค่ะ
วันรุ่งขึ้น หลังจากใส่บาตรแล้ว เราขับรถไปชมหมอกที่ ภูทอก ขับรถไปประมาณ 30 นาทีค่ะ
เราพักที่ ไร่สุวิทย์ เหมือนเดิมค่ะ เสียดายห้องใหญ่เต็มแล้ว เลยได้ห้องเล็กมาแทน
หลังกลมๆที่เห็นในภาพค่ะ ( เมือสองปีก่อนที่เราไปพัก ยังไม่มีเลยค่ะ ) นอนได้ 2 คน หลังละ 1,000 บาท มีเครื่องทำน้ำอุ่น รวมอาหารเช้าค่ะ
ที่จอดรถวัดผาซ่อนแก้ว 30 บาทค่ะ
จากนั้นเราขับรถขึ้นเขาต่อไปอีกประมาณ 1 กิโล จะพบกับร้านกาแฟยอดฮิด Pino Latte Resort & Café ค่ะ
(คนเยอะมากเลย)
ทริปนี้ มีเหตุทำให้เราไม่สามารถวางแผนเดินทางล่วงหน้าได้เลย ต้องรอสามวันสุดท้ายถึงได้เริ่มติดต่อจองที่พักกัน
และก็เป็นไปตามคาด ที่พักทำเลดีๆ ที่เล็งเอาไว้ มันเต็มไปหมดแล้วค่ะ
พอดีมีงานท่องเที่ยวที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันเสาร์เราไปตามหาและจองที่พักที่มีว่างในวันจันทร์ได้ที่เชียงคาน
กับโทรศัพท์ไปจองตรงกับที่พักภูทับเบิก ได้วันอังคารมาครบแล้ว ก็มีเวลาจัดกระเป๋าเตรียมตัวหนึ่งวันแล้วออกเดินทางกันค่ะ
วันจันทร์ ออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ ตี 4 ถึงอ.วิเชียรบุรีประมาณแปดโมง เราแวะซื้อไก่ย่างบัวตองเอาไปนั่งทางกันที่ศาลาของวัดไตรภูมิ
พร้อมสักการะพระพุทธมหาธรรมราชาด้วยค่ะ ( มัวแต่นั่งฉีกไก่ จกข้าวเหนียว มือไม้เลอะ เลยไม่มีภาพมาฝากค่ะ )
จากนั้นเราก็ไปแวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย ต้องจอดรถแล้วนั่งรถสองแถวของชาวบ้านขึ้นไปประมาณ 800 เมตร ค่ารถไป-กลับ 20บาทค่ะ
ไปถึงภูเรือเกือบสิบเอ็ดโมง อากาศไม่ร้อนค่ะ
ไปถึงเชียงคานประมาณบ่ายสองครึ่ง เราแวะที่แก่งคุดคู้ ชมวิวแม่น้ำโขง ก่อนเข้าที่พักค่ะ
มีบริการนั่งเรือ ติดต่อได้ตามนี้เลยค่ะ
จากนั้นเราก็เข้าที่พัก ซื้อจากงานท่องเที่ยว ชือที่พัก จันทราวาริน ค่ะ ที่พักอยู่ซอย 13 เดินไปถนนคนเดินไม่ไกลค่ะ
ข้อเสียอย่างเดียว คือ มีที่จอดรถน้อย ต้องไปจอดที่วัดค่ะ ( จอดในบ้านได้ 1 คัน หน้าบ้านได้ 2 คัน ) ซึ่งเป็นปรกติของที่พักแถวนี้อยุ่แล้วค่ะ
เป็นบ้านชั้นเดียว เราได้ห้องใหญ่ มีแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น นอน 4 คน + เสริมเตียง 1 ราคาทั้งหมด 2,650 บาท
มีอาหารเช้าและชุดใส่บาตรให้ฟรีค่ะ ( เด็กเล็กไม่คิด )
ในห้องพักไม่มีตู้เย็น แต่ด้านนอกมี กาแฟ โอวันติน น้ำเย็นบริการฟรีค่ะ
เก็บสัมภาระเสร็จแล้วก็ออกไปเดินเล่นกันนิดนึงค่ะ
วันรุ่งขึ้น หลังจากใส่บาตรแล้ว เราขับรถไปชมหมอกที่ ภูทอก ขับรถไปประมาณ 30 นาทีค่ะ
จอดรถแล้วนั่งรถสองแถวของชาวบ้านขึ้นไปข้างบน ค่ารถคนละ 10 บาทค่ะ
วันนี้ มีหมอกให้เห็นจางๆ นิดเดียว แต่อากาศดีมากเลยค่ะ
ลงจากภูทอก เราเอาคูปองที่ได้จากที่พัก ไปทานอาหารที่ร้านอิ่มอร่อย อยู่บนถนนคนเดิน ใกล้กับที่พักค่ะ
ร้านนี้ มีดีลกับที่พักหลายแห่งเลยค่ะ ทำให้คนเยอะมากกกก จึงไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่เรารออาหารไม่นานค่ะ
คูปอง 1 ใบต่อคน สามารถเลือกอาหารได้ 1 อย่าง และน้ำ 1 อย่าง จากเมนูของร้านค่ะ
ทานอิ่มแล้ว เราเก็บกระเป๋าออกเดินทางไปหาหมอกกันต่อที่ ภูทับเบิก ค่ะ
วันนี้ มีหมอกให้เห็นจางๆ นิดเดียว แต่อากาศดีมากเลยค่ะ
ลงจากภูทอก เราเอาคูปองที่ได้จากที่พัก ไปทานอาหารที่ร้านอิ่มอร่อย อยู่บนถนนคนเดิน ใกล้กับที่พักค่ะ
ร้านนี้ มีดีลกับที่พักหลายแห่งเลยค่ะ ทำให้คนเยอะมากกกก จึงไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่เรารออาหารไม่นานค่ะ
คูปอง 1 ใบต่อคน สามารถเลือกอาหารได้ 1 อย่าง และน้ำ 1 อย่าง จากเมนูของร้านค่ะ
ทานอิ่มแล้ว เราเก็บกระเป๋าออกเดินทางไปหาหมอกกันต่อที่ ภูทับเบิก ค่ะ
วิ่งกลับทางภูเรือ ด่านซ้ายเหมือนเดิมค่ะ
เราพักที่ ไร่สุวิทย์ เหมือนเดิมค่ะ เสียดายห้องใหญ่เต็มแล้ว เลยได้ห้องเล็กมาแทน
หลังกลมๆที่เห็นในภาพค่ะ ( เมือสองปีก่อนที่เราไปพัก ยังไม่มีเลยค่ะ ) นอนได้ 2 คน หลังละ 1,000 บาท มีเครื่องทำน้ำอุ่น รวมอาหารเช้าค่ะ
ห้องค่อนข้างเล็ก แต่เราเลือกพักที่นี่ เพราะเปิดเป็นร้านอาหารด้วย ทำให้สะดวกค่ะ อาหารอร่อยใช้ได้ ราคาไม่แพงด้วยค่ะ
วิวตอนเช้า จากหน้าต่างห้องนอน ได้เห็นหมอกจนเต็มอิ่มเลยค่ะ
ส่วนภาพนี้ วิวจากร้านอาหารของไร่สุวิทย์ ค่ะ ตอนนี้มีขายกาแฟสดแล้วด้วยค่ะ
ส่วนภาพนี้ วิวจากร้านอาหารของไร่สุวิทย์ ค่ะ ตอนนี้มีขายกาแฟสดแล้วด้วยค่ะ
ถ่ายจากร้านอาหารลงไปยังบ้านพัก
อาหารเช้าฟรี เป็นข้าวต้มค่ะ
ภาพนี้ ถ่ายตอนเช้าวันที่ 20 กค 59 ประมาณ เจ็ดโมงกว่าค่ะ
อาหารเช้าฟรี เป็นข้าวต้มค่ะ
ภาพนี้ ถ่ายตอนเช้าวันที่ 20 กค 59 ประมาณ เจ็ดโมงกว่าค่ะ
ถ่ายบริเวณจุดชมวิวใกล้แยกไปภูหินร่องกล้าค่ะ
ลงจากภูทับเบิก เราไปเที่ยวที่วัดผาซ่อนแก้วกันต่อค่ะ อยู่ใกล้กับแยกแคมป์สน ถนนสาย 12 ค่ะ
ลงจากภูทับเบิก เราไปเที่ยวที่วัดผาซ่อนแก้วกันต่อค่ะ อยู่ใกล้กับแยกแคมป์สน ถนนสาย 12 ค่ะ
เห็นลวดลายแล้วทึ่งมากมาย เป็นงานที่ละเอียดและปรานีตมาก ขอชื่นชมในฝีมือและความเพียรพยายามของช่างฝีมือเลยค่ะ
มาเที่ยวที่วัดผาซ่อนแก้ว แนะนำให้ติดถุงพลาสติกมาใส่รองเท้าไปด้วยค่ะ
เพราะที่นี่จะต้องถอดรองเท้าเดินเข้าไปในบริเวณวัดค่ะ เห็นบางคนลืมว่าตัวเองถอดรองเท้าเอาไว้ตรงไหน หาไม่เจอกันค่ะ
ส่วนใหญ่คนจะถ่ายรูปอยู่ด้านนอกข้างล่าง ลองขึ้นไปชั้นบนกันนะคะ เห็นมีจัดแสดงภาพวาดด้วยค่ะ
เพราะที่นี่จะต้องถอดรองเท้าเดินเข้าไปในบริเวณวัดค่ะ เห็นบางคนลืมว่าตัวเองถอดรองเท้าเอาไว้ตรงไหน หาไม่เจอกันค่ะ
ส่วนใหญ่คนจะถ่ายรูปอยู่ด้านนอกข้างล่าง ลองขึ้นไปชั้นบนกันนะคะ เห็นมีจัดแสดงภาพวาดด้วยค่ะ
ที่จอดรถวัดผาซ่อนแก้ว 30 บาทค่ะ
จากนั้นเราขับรถขึ้นเขาต่อไปอีกประมาณ 1 กิโล จะพบกับร้านกาแฟยอดฮิด Pino Latte Resort & Café ค่ะ
(คนเยอะมากเลย)
ลงจากร้านกาแฟเราสามารขับต่อขึ้นไปลงเขาอีกทางนึงได้ค่ะ จะออกตรงก่อนถึงปั๊ม PT ถนนสาย12 ค่ะ
( ไม่ต้องขับลงทางเดิมไปติดหน้าวัดผาซ่อนแก้วอีก ) จากนั้นเลี้ยวแยกแคมป์สนเข้าเขาค้อค่ะ
เข้าชมกังหันลม " โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเขาค้อ " ให้สังเกตป้าย บ้านเพชรดำ ขับตามทางเข้าไปเลยค่ะ
( ไม่ต้องขับลงทางเดิมไปติดหน้าวัดผาซ่อนแก้วอีก ) จากนั้นเลี้ยวแยกแคมป์สนเข้าเขาค้อค่ะ
เข้าชมกังหันลม " โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเขาค้อ " ให้สังเกตป้าย บ้านเพชรดำ ขับตามทางเข้าไปเลยค่ะ
ตอนนี้ ยังไม่เปิดเป็นทางการนะคะ ต้องจอดรถอยู่ด้านนอกเพื่อถ่ายรูปค่ะ
จากนั้นก็เดินทางกลับกันโดยสวัสดิภาพค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
จากนั้นก็เดินทางกลับกันโดยสวัสดิภาพค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
ที่มา Pantip