วางแผนเที่ยวเชี่ยนเชี่ยวหลาน หรือชื่อที่เป็นทางการ เขื่อนรัชประภา
เป็นทริปครอบครัว พ่อ แม่ ลูก รวมเป็น 4 คน ทุกคนมอบให้แม่เป็นคนวางแผน นอกนั้นรอไปเที่ยวอย่างเดียว
โจทก์คือ ต้องไปวันธรรมดา เพราะวันหยุดหรือวันเสาร์อาทิตย์ พ่อกับลูกเขาลางานไม่ได้
เริ่มต้นด้วยหาตั่วเครื่องบิน กรุงเทพ สุราษฎ์. ได้โปรดี ที่นั่งละ 590 บาท ไป-กลับ 4 ที่นั่งได้ราคาไม่ถึง 5,000 บาท เย้ๆๆๆ
ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
เรื่องที่พัก ตอนแรกหาอ่านจากรีวิว หาแพคเก็ตทัวร์ เห็นข้อเหมือนคือ อาหาร ดูแล้วทริปไหนก็อาหารเหมือนกันคืออาหารไทยภาคใต้เน้นปลา กิจกรรมก็เหมือนกัน ล่อนเรือ เล่นน้ำ เที่ยวถ้ำ ดังนั้นความต่างคือ แพ มีหลายหลายให้เลือก แพของเอกชนราคาสูงๆจะได้ความสะดวกสบายระดับ 7+ มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา. มีแอร์ มีห้องน้ำในห้องพัก ฯลฯ แต่เรามาเที่ยวครั้งนี้เพื่อเสพธรรมชาติจึงเลือกแบบกลางๆก็พอ.

ท่าเรือเขื่อนเชี่ยวหลาน มีแพท้องถิ่นรับจ้างแบบเหมา ไป -กลับ ราคาตามระยะทาง ประมาณ 1,800-2,500 บาท ไปถึงแล้วเรือจะรออยู่ด้วย จนถึงวันกลับ

ทริปนี้เลือกแพของอุทยานเขาสก คือ แพคลองคะ จองแบบออนไลน์ไม่พึ่งไกค์ ได้แบบวันธรรมดาลดให้ 30% ในราคา 2 วัน ประมาณ 2,500 บาท การจองที่พักของกรมอุทยานจองได้ล่วงหน้า ไม่เกิน 3 เดือนค่ะ จองแล้วไปจ่ายเงินที่แบงค์แล้วเก็บใบรายการไว้ เอามายื่นวันเดินทางไปถึง

แบบนี้นอนได้ 6 คน มีห้องน้ำในตัว 2 ห้อง มีพัดลมให้ 1 ตัว ไม่ค่อยได้เปิด(จำกัดไฟฟ้า) แต่ไม่ต้องกลัวร้อนลมพัดโกรกสบายมากค่ะ

แบบเล็กนอนได้ 2 คน ห้องน้ำรวม (สะอาดค่ะ)

เมื่อลงเรือ จะได้เสพวิวภูเขาหินปูนกับท้องน้ำสีเขียวใส แบบพานอรามา
ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้าน โรงเรียน และหุบเขา มีสัตว์ป่ามากมาย พอมีการสร้างเขื่อนทุกอย่างก็อยู่ใต้น้ำ

แวะชมมุมมหาชน

ข้อกำหนดของการใช้สถานที่ของอุทยาน
1. เอาขยะของตัวเองกลับไปทิ้งเอง
2.ไฟฟ้ามีให้จำกัดเพราะใช้เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก เปิด 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม (ถ้าแขกเยอะอาจยาวได้ถึง เที่ยงคืน)
3. ไม่มีปลั๊กเสียบชาร์แบตอุปกรณ์ในห้อง เพื่อป้องกันการใช้เครื่องเป่าผมและเตารีด ให้ไปชาร์ทแบตรวมกันที่แพกินข้าว
ดูแล้วไม่หนักหนาอะไร เพราะนี่เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สังเกตุว่าแพเจ้าหน้าที่มีแต่ของใช้จำเป็นพวก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่
ไม่มีขนมกรุบกรอบ มาม่า ขายให้นักท่องเที่ยว ไม่มีเลยค่ะ ใครจะกินก็เอาไปเอง และเป็นสาเหตุให้มีขยะถุงโตๆกลับไปด้วย
ถ้ากินตามที่เขามีให้ คือ อาหาร+ผลไม้ กาแฟ โอวัลติน ก็ไม่ต้องมีขยะมากมายอะไร

ฝนตกตั้งก่อนสว่าง
โปรแกรมของเราคือ ล่องแพ กินกาแฟ ส่องสัตว์ เจ้าหน้าที่จัดอาหารเช้าลงแพไปด้วย กาแฟ โอวัลติน ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มเครื่อง
อันนี้คิดค่าบริการเพิ่ม คนละ 100 บาท ใครไม่ไปก็กินบนแพร้านอาหารได้ตามปกติ
วันนี้ฝนตก แต่เราก็ไปค่ะ มีเพื่อนร่วมทาง 6 คน คนนำทางเป็นไกค์พร้อมขับแพยนด้วยอีก 1 คน

อาหารตั้งรอแต่เช้าแล้ว

พอออกตัวแพ ฝนก็ลง
เป็นทริปครอบครัว พ่อ แม่ ลูก รวมเป็น 4 คน ทุกคนมอบให้แม่เป็นคนวางแผน นอกนั้นรอไปเที่ยวอย่างเดียว
โจทก์คือ ต้องไปวันธรรมดา เพราะวันหยุดหรือวันเสาร์อาทิตย์ พ่อกับลูกเขาลางานไม่ได้
เริ่มต้นด้วยหาตั่วเครื่องบิน กรุงเทพ สุราษฎ์. ได้โปรดี ที่นั่งละ 590 บาท ไป-กลับ 4 ที่นั่งได้ราคาไม่ถึง 5,000 บาท เย้ๆๆๆ
ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
เรื่องที่พัก ตอนแรกหาอ่านจากรีวิว หาแพคเก็ตทัวร์ เห็นข้อเหมือนคือ อาหาร ดูแล้วทริปไหนก็อาหารเหมือนกันคืออาหารไทยภาคใต้เน้นปลา กิจกรรมก็เหมือนกัน ล่อนเรือ เล่นน้ำ เที่ยวถ้ำ ดังนั้นความต่างคือ แพ มีหลายหลายให้เลือก แพของเอกชนราคาสูงๆจะได้ความสะดวกสบายระดับ 7+ มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา. มีแอร์ มีห้องน้ำในห้องพัก ฯลฯ แต่เรามาเที่ยวครั้งนี้เพื่อเสพธรรมชาติจึงเลือกแบบกลางๆก็พอ.
ท่าเรือเขื่อนเชี่ยวหลาน มีแพท้องถิ่นรับจ้างแบบเหมา ไป -กลับ ราคาตามระยะทาง ประมาณ 1,800-2,500 บาท ไปถึงแล้วเรือจะรออยู่ด้วย จนถึงวันกลับ
ทริปนี้เลือกแพของอุทยานเขาสก คือ แพคลองคะ จองแบบออนไลน์ไม่พึ่งไกค์ ได้แบบวันธรรมดาลดให้ 30% ในราคา 2 วัน ประมาณ 2,500 บาท การจองที่พักของกรมอุทยานจองได้ล่วงหน้า ไม่เกิน 3 เดือนค่ะ จองแล้วไปจ่ายเงินที่แบงค์แล้วเก็บใบรายการไว้ เอามายื่นวันเดินทางไปถึง
แบบนี้นอนได้ 6 คน มีห้องน้ำในตัว 2 ห้อง มีพัดลมให้ 1 ตัว ไม่ค่อยได้เปิด(จำกัดไฟฟ้า) แต่ไม่ต้องกลัวร้อนลมพัดโกรกสบายมากค่ะ
แบบเล็กนอนได้ 2 คน ห้องน้ำรวม (สะอาดค่ะ)
เมื่อลงเรือ จะได้เสพวิวภูเขาหินปูนกับท้องน้ำสีเขียวใส แบบพานอรามา
ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้าน โรงเรียน และหุบเขา มีสัตว์ป่ามากมาย พอมีการสร้างเขื่อนทุกอย่างก็อยู่ใต้น้ำ
แวะชมมุมมหาชน
ข้อกำหนดของการใช้สถานที่ของอุทยาน
1. เอาขยะของตัวเองกลับไปทิ้งเอง
2.ไฟฟ้ามีให้จำกัดเพราะใช้เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก เปิด 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม (ถ้าแขกเยอะอาจยาวได้ถึง เที่ยงคืน)
3. ไม่มีปลั๊กเสียบชาร์แบตอุปกรณ์ในห้อง เพื่อป้องกันการใช้เครื่องเป่าผมและเตารีด ให้ไปชาร์ทแบตรวมกันที่แพกินข้าว
ดูแล้วไม่หนักหนาอะไร เพราะนี่เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สังเกตุว่าแพเจ้าหน้าที่มีแต่ของใช้จำเป็นพวก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่
ไม่มีขนมกรุบกรอบ มาม่า ขายให้นักท่องเที่ยว ไม่มีเลยค่ะ ใครจะกินก็เอาไปเอง และเป็นสาเหตุให้มีขยะถุงโตๆกลับไปด้วย
ถ้ากินตามที่เขามีให้ คือ อาหาร+ผลไม้ กาแฟ โอวัลติน ก็ไม่ต้องมีขยะมากมายอะไร
ฝนตกตั้งก่อนสว่าง
โปรแกรมของเราคือ ล่องแพ กินกาแฟ ส่องสัตว์ เจ้าหน้าที่จัดอาหารเช้าลงแพไปด้วย กาแฟ โอวัลติน ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มเครื่อง
อันนี้คิดค่าบริการเพิ่ม คนละ 100 บาท ใครไม่ไปก็กินบนแพร้านอาหารได้ตามปกติ
วันนี้ฝนตก แต่เราก็ไปค่ะ มีเพื่อนร่วมทาง 6 คน คนนำทางเป็นไกค์พร้อมขับแพยนด้วยอีก 1 คน
อาหารตั้งรอแต่เช้าแล้ว
พอออกตัวแพ ฝนก็ลง
Geneva, Tahoma; font-size: 16.002px; line-height: 25.0111px; margin: 10px 0px; max-width: 100%;">



ถึงน้ำตกเล็กๆ ชื่อว่าน้ำตกคลองคะ. เป็นลำธารไหลลงแอ่งในในเขื่อน
วันนี้น้ำน้อยเพราะมีต้นไม้ล้มขวางทางน้ำ. เจ้าหน้าที่พาไปเดินเก็บผักกูด(ของดี) ได้มากำใหญ่
ของดีปักษ์ใต้ นอกจากอาหารอร่อยทุกอย่าง แล้ว
วันนี้โชคดีท่านหัวหน้าศูนย์ฯคลองคะ กลับจากประชุม ชาวแพเลยได้ดูหนังตะลุงของดีปักษ์ใต้

หัวหน้าท่านเล่นเองสดๆ บอกว่าเป็นบริการเสริมระหว่างรอชาร์แบตละกัน


ในแพอุทยานมีเรื่องราวของคุณสืบ นาคะเสถียร นักวิชาการป่าไม้ที่เป็นผู้ที่มีความสำคัญในการอพยพสัตว์ป่าให้รอดพ้นจากน้ำท่วมหลังการสร้างเขื่อนเขี่ยวหลาน
การมาที่นี่กิจกรรมกลางแจ้งสำคัญมาก ล่องแพเช้า ตอนสายๆพายเรือ ไปดูถ้ำ ไปเดินป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่พาเดิน
เล่นน้ำในตอนบ่ายถึงเย็น ที่นี่เคร่งครัดเรื่องใส่เสื้อชูชีพ เพราะน้ำลึกมากๆ เห็นบอกว่าลึกขนาด 30 เมตร

มีวางทุ่นลอยกั้นไม่ให้หลงออกไปไกล


ช่วงที่ไปคือวันที่ 28-30 มิถุนายน 59 ต้นฤดูฝนพอดี
กลางคืนฝนตกถึงเช้า สายๆก็หยุด(รับแขก) ให้เด็กๆได้เล่นน้ำ
ถามเจ้าหน้าที่บอกว่าเดือนธันวาคม บรรยากาศจะสวยสุดยาวไปถึงสงกรานต์ ฝนหนักสุดคือเดือนสิบแบบว่าทั้งวันทั้งคืน
แต่ที่มาช่วงนี้และเป็นวันธรรมดาก็เห็นมานักท่องเที่ยวไปมาไม่ขาดสายค่ะ
อาหารการกินไม่ต้องพกอะไรมาเลย กินตามที่เขาทำให้กิน ราคามาตรฐานอุทยาน กับข้าวสี่อย่าง ผลไม้ 1 จาน
เน้นอาหารไทยปักษ์ใต้ เผ็ดแซบ น้ำพริกผักสด ปลาทอด แกงเหลือง(เผ็ดระดับ8) ปลาก็จะเป็นปลาแรด ปลาหมอ ปลากด


อันนี้ปลาโชว์ไม่ใช่ปลากินค่ะ เอาไว้รับแขก เป็นปลากระแหคล้ายๆปลาตะเพียนแต่สวยกว่า
มีอาหารขายไว้ให้ปลาด้วยนะ ใส่กระบอกไม้ไผ่กระบอกละ 20 บาท เป็นเม็ดข้าวโพดแห้ง
เราว่าดีกว่าอาหารปลาทั่วไป ไม่ทำให้น้ำเสียค่ะ

ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับมุมมหาชนแพคลองคะ
ข้อมูลการเดินทาง
ค่าเครื่องบิน กรุงเทพ-สุราษฯ ไป-กลับ 4 ที่นั่ง รวม 4,9xx บาท
ค่าเช่ารถแท็กซี่จากสนามบินสุราษ เที่ยวละ 1,200 บาท ไปกลับคันเดิมโทรเรียกค่ะ รวม 2,400 บาท
ค่ากินประมาณคนละ 1,000 บาท (3 วัน2คืน)
ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 1462609
ถึงน้ำตกเล็กๆ ชื่อว่าน้ำตกคลองคะ. เป็นลำธารไหลลงแอ่งในในเขื่อน
วันนี้น้ำน้อยเพราะมีต้นไม้ล้มขวางทางน้ำ. เจ้าหน้าที่พาไปเดินเก็บผักกูด(ของดี) ได้มากำใหญ่
ของดีปักษ์ใต้ นอกจากอาหารอร่อยทุกอย่าง แล้ว
วันนี้โชคดีท่านหัวหน้าศูนย์ฯคลองคะ กลับจากประชุม ชาวแพเลยได้ดูหนังตะลุงของดีปักษ์ใต้
หัวหน้าท่านเล่นเองสดๆ บอกว่าเป็นบริการเสริมระหว่างรอชาร์แบตละกัน
ในแพอุทยานมีเรื่องราวของคุณสืบ นาคะเสถียร นักวิชาการป่าไม้ที่เป็นผู้ที่มีความสำคัญในการอพยพสัตว์ป่าให้รอดพ้นจากน้ำท่วมหลังการสร้างเขื่อนเขี่ยวหลาน
การมาที่นี่กิจกรรมกลางแจ้งสำคัญมาก ล่องแพเช้า ตอนสายๆพายเรือ ไปดูถ้ำ ไปเดินป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่พาเดิน
เล่นน้ำในตอนบ่ายถึงเย็น ที่นี่เคร่งครัดเรื่องใส่เสื้อชูชีพ เพราะน้ำลึกมากๆ เห็นบอกว่าลึกขนาด 30 เมตร
มีวางทุ่นลอยกั้นไม่ให้หลงออกไปไกล
ช่วงที่ไปคือวันที่ 28-30 มิถุนายน 59 ต้นฤดูฝนพอดี
กลางคืนฝนตกถึงเช้า สายๆก็หยุด(รับแขก) ให้เด็กๆได้เล่นน้ำ
ถามเจ้าหน้าที่บอกว่าเดือนธันวาคม บรรยากาศจะสวยสุดยาวไปถึงสงกรานต์ ฝนหนักสุดคือเดือนสิบแบบว่าทั้งวันทั้งคืน
แต่ที่มาช่วงนี้และเป็นวันธรรมดาก็เห็นมานักท่องเที่ยวไปมาไม่ขาดสายค่ะ
อาหารการกินไม่ต้องพกอะไรมาเลย กินตามที่เขาทำให้กิน ราคามาตรฐานอุทยาน กับข้าวสี่อย่าง ผลไม้ 1 จาน
เน้นอาหารไทยปักษ์ใต้ เผ็ดแซบ น้ำพริกผักสด ปลาทอด แกงเหลือง(เผ็ดระดับ8) ปลาก็จะเป็นปลาแรด ปลาหมอ ปลากด
อันนี้ปลาโชว์ไม่ใช่ปลากินค่ะ เอาไว้รับแขก เป็นปลากระแหคล้ายๆปลาตะเพียนแต่สวยกว่า
มีอาหารขายไว้ให้ปลาด้วยนะ ใส่กระบอกไม้ไผ่กระบอกละ 20 บาท เป็นเม็ดข้าวโพดแห้ง
เราว่าดีกว่าอาหารปลาทั่วไป ไม่ทำให้น้ำเสียค่ะ
ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับมุมมหาชนแพคลองคะ
ข้อมูลการเดินทาง
ค่าเครื่องบิน กรุงเทพ-สุราษฯ ไป-กลับ 4 ที่นั่ง รวม 4,9xx บาท
ค่าเช่ารถแท็กซี่จากสนามบินสุราษ เที่ยวละ 1,200 บาท ไปกลับคันเดิมโทรเรียกค่ะ รวม 2,400 บาท
ค่ากินประมาณคนละ 1,000 บาท (3 วัน2คืน)
ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 1462609