ภูสอยดาว...ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบการเดินป่า สัมผัสกับธรรมชาติ ห่างไกลจากความศิวิไล
ผมเชื่อว่าคุณต้องเลยได้ยินชื่อนี้มาแล้วแน่นอน
ภูสอยดาว...เป็นการเดินป่าระยะไกลกว่า 6 กม. (แต่ผมก็เคยเจอนักท่องเที่ยวที่เดินไปเดินกลับมาแล้ว)
ความสวยงามของที่นี่มีมากมายตั้งแต่ ดอกหงอนนาคในยามหน้าฝน หรือทะเลดวงดาวในยามหน้าหนาว
ก็ล้วนแต่สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนอย่างไม่เคยลืมเลือน
การมาเที่ยวภูสอยดาวเราจะต้องเริ่มต้นเดินเท้าตั้งแต่น้ำตกภูสอยดาวขึ้นมา
ส่วนการจะมาที่น้ำตกภูสอยดาวนั้นจะนั่งรถประจำทางมา หรือขับรถมาก็ได้
แต่ถ้าให้แนะนำอย่านั่งรถประจำทางมาเลยครับ มันเสียเวลามาก ผมเคยเดินทางโดยใช้วิธีนั้นมาแล้ว
บอกเลยว่าไม่เวิร์คอย่างแรง จะเล่าให้ฟังคราวๆแบบนี้นะครับ
คือ เริ่มจากขึ้นรถที่หมอชิต นั่งรถทัวร์มาลงที่พิษณุโลก
จากพิษณุโลกนั่งรถทัวร์(เก่าๆ)ที่เริ่มวิ่งตอนตีห้าไปลงที่อำเภอชาติตระการ
จากอำเภอชาติตะการจะมีรถสองแถววิ่งผ่านน้ำตกภูสอยดาวแค่วันละ 2 รอบ คือไป-กลับ
หากนั่งรถสองแถวดังกล่าวกว่าจะไปถึงน้ำตกภูสอยดาวก็ประมาณ บ่ายโมง แล้วครับ
ถ้าไม่อยากรอรถสองแถวก็ต้องเหมารถไปซึ่งค่ารถประมาณ 1000 นึง
แล้วคิดถึงต้อนขากลับสิครับ...สุดจะเพลีย..
ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากขับรถไปเองผมแนะนำว่าเช่ารถตู้ไปดีกว่าครับ
เอาล่ะเราจะเข้าเนื้อหากันจริงๆแล้วนะครับ.....
อ้อ...ก่อนจะเดินทางไปที่ภูสอยดาวจะให้ดีอย่าลืมโทรสอบถามข้อมูลอื่นด้วยนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝนฟ้าอากาศ จำนวนนักท่องเที่ยวด้านบน และลูกหาบว่ามีพอมั้ย
ไม่อย่างงั้นล่ะก็แบกของกันอ้วกเลยน๊าาาาาา
ติดต่อที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
โทร 055-436793 055-436001...055-436002 ขอล่วงหน้าก่อน 3-4 วันนะครับ
ถ้าผมเขียนอะไรแล้วไม่เข้าใจสอบถามมาได้ที่ https://www.facebook.com/wefoto/ ครับ
พูดถึงเรื่องขับรถไป
การเดินทางจากกรุงเทพสามารถมาได้หลายเส้นทาง
แต่ที่นิยมกันจะมีสองเส้นคือทางอำเภอวัดโบสถ์ กับทางนครไทย
ทั้งสองเส้นทางนั้ใช้เวลาต่างกันไม่มากแต่ผมชอบเส้นวัดโบสถ์มากกว่า
เพราะรถบรรทุกน้อยและไม่ผ่านเมือง
หากไปทางนครไทยถนนสาย 12 นั้นเสร็จแล้วสามารถทำความเร็วได้ดึ
แต่พอเลี้ยวเข้าถนน 2013 รถบรรทุกจะเยอะและผ่านอ.นครไทยซึ่งช่วงนั้นรถเยอะมาก
ผมชอบใช้เส้นนี้ครับ เส้นวัดโบสถ์
ส่วนใหญ่เมืองมาถึงอำเภอชาติตระการแล้วเราจะแวะซื้ออาหารสดกันที่
ตลาดเทศบาลตำบลป่าแดงแล้วจึงเดินทางต่อ
อีกไม่ไกลเราก็จะถึงที่ทำการแล้ว
ระหว่างทางหมอกลงเยอะมากครับ เจอได้เรื่อยๆ
ขอดีของการเอารถมาเองมันสามารถทำให้เราคุมเวลาได้
อยากแวะตรงไหนก็ได้ เจอหมอกสวยๆก็ลงไปถ่ายรูป
ถ้านั่งสองแถวมาไม่ได้กินหรอกครับ กว่าจะออกก็สายๆ
หมอกเลิกงานหมดแล้ว
เมื่อมาถึงที่ทำการนะครับ
เราจะต้องจอดรถไว้ที่นี้แล้วเราไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวที่1 ได้เลยครับ
จุดนี้จะเป็นจุดลงทะเบียน เตรียมของ ชั่งน้ำหนักข้าวของที่จะให้ลูกหาบแบก
แล้วก็นั่งซาเล็งไปจุดบริการนักท่องเที่ยวที่ 2
จุดบริการนักท่องเที่ยวที่ 2 จะอยู่หน้าน้ำตกภูสอยดาวซึ่งเป็นทางเดินขึ้นภูสอยดาวนั่นเองครับ
จุดนี้ไม่มีอะไรมาก ก็ตรวจข้าวของให้พร้อม ตรวจบัตรสัมภาระแล้วก็เดินขึ้นได้เลยครับ
น้ำตกภูสอยดาวชั้นที่หนึ่ง
จริงๆในช่วงสองกิโลแรกจะมีน้ำตกอยู่เรื่อยๆนะครับ
ถ้าเดินไม่รีบร้อนก็แวะพักถ่ายรูปกันบ้างก็ได้
ประตูสู่ภูสอยดาว จากนี้ไปอีกหกกิโลสู้ๆนะครับ
น้ำตกมีให้ชมให้พักระหว่างทางนะ
ซึ่งกว่าจะไปถึงด้านบนก็ต้องผ่านเนินทั้งห้านี่แหละครับซึ่งได้แก่
๑. เนินส่งญาติ ๒. เนินปราบเซียน ๓. เนินป่าก่อ ๔. เนินเสือโคร่ง ๕. เนินมรณะ
ซึ่งการเตรียมตัวควรเตรียมมาให้พร้อมครับ รองเท้าเก่าๆนี้ไม่อยากให้เอามาครับ
เพราะถ้ามันขาดไปนี่ชีวิตลำบากเลย...โชคดีมีวิชาซ่อมรองเท้าติดตัว
ระหว่างการเดินทางที่เนินมรณะสิ่งที่จะเป็นรางวัลให้กับเราก็คือจุดชมวิวสวยๆแบบนี้แหละครับ
ถ้ามาในช่วงเดือนสิงหาจะมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่รอเราอยู่นั่นก็คือเจ้าดอกหงอนนาคครับ
ระยะเวลาที่ผมใช้ในการเดินขึ้นภู
เมื่อมาถึงด้านบนลานสนที่เป็นจุดกางเต๊นท์
เราจะไปจุดบริการนักท่องเที่ยวที่ 3 ก่อนครับ
อยู่ท่ามกลางดอกหงอนนาคเลย
ที่จุดบริการที่ 3 นี้เรามาเพื่อลงเวลามาถึง เบิกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
แล้วก็เตรียมจองลูกหาบเวลากลับด้วย
จากนั้นเราก็ไปกางเต๊นท์หาที่นอนกันเถอะ
เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปๆ
เช้าอีกวันหมอกยังหนาอยู่เลย
ด้านบนลานสนนั้นมีเส้นทางให้เดินเที่ยวสองเส้นทางหลักๆคือ
เส้นน้ำตกสายทิพย์กับเส้นหลักกิโล
เส้นน้ำตกสายทิพย์นั้นจะเดินลงไปด้านล่างสักนิดนึงครับ
ทางค่อนข้างลื่นและชันต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร
ถ้าโชคดีอาจได้เจอใบเมเปิ้ลสีแดงด้วยนะ
อ้อเกือบลืมบอก..ด้านล่างทางลงไปน้ำตกสายทิพย์นั้น
มีเพื่อนๆที่คอยตอนรับเราอยู่ด้วยนะ..นั่นคือ พี่ทากครับ
อีกเส้นหนึ่งคือเส้นหลักกิโลครับ
เส้นนี้จะเป็นการเดินศึกษาธรรมชาติด้านบนบริเวณรอบๆลานสน
ไฮไลค์อยู่ที่หลักกิโลแบ่งเขตไทยลาว และจุดชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น
มาภูสอยดาวอย่าลืมเอาเสื้อกันฝนมาด้วยละ
เพราะที่นี้ ฝนมักจะตกๆหยุดๆอยู่เรื่อย
เพียงเเค่สองเส้นทางนี้ก็หมดไปอีกวันแล้วครับ
ก่อนจะถึงวันกลับอย่าลืมไปจองลูกหาบก่อนล่วงหน้านะครับ
ไม่งั้นอาจไม่มีลูกหาบ ต้องแบกของกลับเองนะ
เช้าวันกับเจ้าสายหมอกก็ยังคงอยู่กับเราครับ
แต่พอจะเดินลงจริงๆท้องฟ้าก็เปิดมาสั่งลาเรา
หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินลงแล้วครับ
หลังจากลงไปแล้วเราก็จะไปรับสัมภาระ และจ่ายเงินเพิ่มหากมีเช่าของเพิ่ม ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวจุดที่4
จุดนี้จะอยู่ใกล้กับจุดที่หนึ่งครับ อยู่ข้างๆร้านสวัสดิการของทางอุทยานเลย
หาไม่ยากครับเพราะเค้าจะเอารถไปส่งเราถึงที่เลย
ขาลงใช้เวลาน้อยกว่าเดิมเยอะ อิอิอิ
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมชอบทริปหนึ่ง
ผมยังจำความทรงจำเมื่อมาภูสอยดาวในครั้งแรกได้....ครั้งที่สองก็เช่นกัน......
และการมาเยือนอีกภูสอยดาวอีกครั้งในครั้งนี้...หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไป
อาจจะดีหรือไม่ดีผมก็คงไม่ตัดสิน เพราะโลกใบนี้หมุนอยู่ตลอดเวลา
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา...
ไม่มีใครบอกได้ว่าธรรมชาติแบบนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน
กลับไปภูสอยดาวอีกครั้งอาจมีกระเช้าขึ้นไปเลยก็ได้.........
ใครอยากเที่ยว...รีบเที่ยวนะครับ.......
บอกเบอร์ติดต่ออุทยานอีกครั้งนึงนะครับ
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวโทร 055-436793 055-436001...055-436002
ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น. ขอล่วงหน้าก่อน 3-4 วันนะครับ
ว่างๆก็แวะไปเยี่ยมเยือนกันได้นะครับที่ https://www.facebook.com/wefoto/
แล้วผมกันใหม่ครับ
ที่มา Pantip
Cr. preuk13
ผมเชื่อว่าคุณต้องเลยได้ยินชื่อนี้มาแล้วแน่นอน
ภูสอยดาว...เป็นการเดินป่าระยะไกลกว่า 6 กม. (แต่ผมก็เคยเจอนักท่องเที่ยวที่เดินไปเดินกลับมาแล้ว)
ความสวยงามของที่นี่มีมากมายตั้งแต่ ดอกหงอนนาคในยามหน้าฝน หรือทะเลดวงดาวในยามหน้าหนาว
ก็ล้วนแต่สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนอย่างไม่เคยลืมเลือน
การมาเที่ยวภูสอยดาวเราจะต้องเริ่มต้นเดินเท้าตั้งแต่น้ำตกภูสอยดาวขึ้นมา
ส่วนการจะมาที่น้ำตกภูสอยดาวนั้นจะนั่งรถประจำทางมา หรือขับรถมาก็ได้
แต่ถ้าให้แนะนำอย่านั่งรถประจำทางมาเลยครับ มันเสียเวลามาก ผมเคยเดินทางโดยใช้วิธีนั้นมาแล้ว
บอกเลยว่าไม่เวิร์คอย่างแรง จะเล่าให้ฟังคราวๆแบบนี้นะครับ
คือ เริ่มจากขึ้นรถที่หมอชิต นั่งรถทัวร์มาลงที่พิษณุโลก
จากพิษณุโลกนั่งรถทัวร์(เก่าๆ)ที่เริ่มวิ่งตอนตีห้าไปลงที่อำเภอชาติตระการ
จากอำเภอชาติตะการจะมีรถสองแถววิ่งผ่านน้ำตกภูสอยดาวแค่วันละ 2 รอบ คือไป-กลับ
หากนั่งรถสองแถวดังกล่าวกว่าจะไปถึงน้ำตกภูสอยดาวก็ประมาณ บ่ายโมง แล้วครับ
ถ้าไม่อยากรอรถสองแถวก็ต้องเหมารถไปซึ่งค่ารถประมาณ 1000 นึง
แล้วคิดถึงต้อนขากลับสิครับ...สุดจะเพลีย..
ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากขับรถไปเองผมแนะนำว่าเช่ารถตู้ไปดีกว่าครับ
เอาล่ะเราจะเข้าเนื้อหากันจริงๆแล้วนะครับ.....
อ้อ...ก่อนจะเดินทางไปที่ภูสอยดาวจะให้ดีอย่าลืมโทรสอบถามข้อมูลอื่นด้วยนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝนฟ้าอากาศ จำนวนนักท่องเที่ยวด้านบน และลูกหาบว่ามีพอมั้ย
ไม่อย่างงั้นล่ะก็แบกของกันอ้วกเลยน๊าาาาาา
ติดต่อที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
โทร 055-436793 055-436001...055-436002 ขอล่วงหน้าก่อน 3-4 วันนะครับ
ถ้าผมเขียนอะไรแล้วไม่เข้าใจสอบถามมาได้ที่ https://www.facebook.com/wefoto/ ครับ
พูดถึงเรื่องขับรถไป
การเดินทางจากกรุงเทพสามารถมาได้หลายเส้นทาง
แต่ที่นิยมกันจะมีสองเส้นคือทางอำเภอวัดโบสถ์ กับทางนครไทย
ทั้งสองเส้นทางนั้ใช้เวลาต่างกันไม่มากแต่ผมชอบเส้นวัดโบสถ์มากกว่า
เพราะรถบรรทุกน้อยและไม่ผ่านเมือง
หากไปทางนครไทยถนนสาย 12 นั้นเสร็จแล้วสามารถทำความเร็วได้ดึ
แต่พอเลี้ยวเข้าถนน 2013 รถบรรทุกจะเยอะและผ่านอ.นครไทยซึ่งช่วงนั้นรถเยอะมาก
ผมชอบใช้เส้นนี้ครับ เส้นวัดโบสถ์
ส่วนใหญ่เมืองมาถึงอำเภอชาติตระการแล้วเราจะแวะซื้ออาหารสดกันที่
ตลาดเทศบาลตำบลป่าแดงแล้วจึงเดินทางต่อ
อีกไม่ไกลเราก็จะถึงที่ทำการแล้ว
ระหว่างทางหมอกลงเยอะมากครับ เจอได้เรื่อยๆ
ขอดีของการเอารถมาเองมันสามารถทำให้เราคุมเวลาได้
อยากแวะตรงไหนก็ได้ เจอหมอกสวยๆก็ลงไปถ่ายรูป
ถ้านั่งสองแถวมาไม่ได้กินหรอกครับ กว่าจะออกก็สายๆ
หมอกเลิกงานหมดแล้ว
เมื่อมาถึงที่ทำการนะครับ
เราจะต้องจอดรถไว้ที่นี้แล้วเราไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวที่1 ได้เลยครับ
จุดนี้จะเป็นจุดลงทะเบียน เตรียมของ ชั่งน้ำหนักข้าวของที่จะให้ลูกหาบแบก
แล้วก็นั่งซาเล็งไปจุดบริการนักท่องเที่ยวที่ 2
จุดบริการนักท่องเที่ยวที่ 2 จะอยู่หน้าน้ำตกภูสอยดาวซึ่งเป็นทางเดินขึ้นภูสอยดาวนั่นเองครับ
จุดนี้ไม่มีอะไรมาก ก็ตรวจข้าวของให้พร้อม ตรวจบัตรสัมภาระแล้วก็เดินขึ้นได้เลยครับ
น้ำตกภูสอยดาวชั้นที่หนึ่ง
จริงๆในช่วงสองกิโลแรกจะมีน้ำตกอยู่เรื่อยๆนะครับ
ถ้าเดินไม่รีบร้อนก็แวะพักถ่ายรูปกันบ้างก็ได้
ประตูสู่ภูสอยดาว จากนี้ไปอีกหกกิโลสู้ๆนะครับ
น้ำตกมีให้ชมให้พักระหว่างทางนะ
ซึ่งกว่าจะไปถึงด้านบนก็ต้องผ่านเนินทั้งห้านี่แหละครับซึ่งได้แก่
๑. เนินส่งญาติ ๒. เนินปราบเซียน ๓. เนินป่าก่อ ๔. เนินเสือโคร่ง ๕. เนินมรณะ
ซึ่งการเตรียมตัวควรเตรียมมาให้พร้อมครับ รองเท้าเก่าๆนี้ไม่อยากให้เอามาครับ
เพราะถ้ามันขาดไปนี่ชีวิตลำบากเลย...โชคดีมีวิชาซ่อมรองเท้าติดตัว
ระหว่างการเดินทางที่เนินมรณะสิ่งที่จะเป็นรางวัลให้กับเราก็คือจุดชมวิวสวยๆแบบนี้แหละครับ
ถ้ามาในช่วงเดือนสิงหาจะมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่รอเราอยู่นั่นก็คือเจ้าดอกหงอนนาคครับ
ระยะเวลาที่ผมใช้ในการเดินขึ้นภู
เมื่อมาถึงด้านบนลานสนที่เป็นจุดกางเต๊นท์
เราจะไปจุดบริการนักท่องเที่ยวที่ 3 ก่อนครับ
อยู่ท่ามกลางดอกหงอนนาคเลย
ที่จุดบริการที่ 3 นี้เรามาเพื่อลงเวลามาถึง เบิกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
แล้วก็เตรียมจองลูกหาบเวลากลับด้วย
จากนั้นเราก็ไปกางเต๊นท์หาที่นอนกันเถอะ
เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปๆ
เช้าอีกวันหมอกยังหนาอยู่เลย
ด้านบนลานสนนั้นมีเส้นทางให้เดินเที่ยวสองเส้นทางหลักๆคือ
เส้นน้ำตกสายทิพย์กับเส้นหลักกิโล
เส้นน้ำตกสายทิพย์นั้นจะเดินลงไปด้านล่างสักนิดนึงครับ
ทางค่อนข้างลื่นและชันต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร
ถ้าโชคดีอาจได้เจอใบเมเปิ้ลสีแดงด้วยนะ
อ้อเกือบลืมบอก..ด้านล่างทางลงไปน้ำตกสายทิพย์นั้น
มีเพื่อนๆที่คอยตอนรับเราอยู่ด้วยนะ..นั่นคือ พี่ทากครับ
อีกเส้นหนึ่งคือเส้นหลักกิโลครับ
เส้นนี้จะเป็นการเดินศึกษาธรรมชาติด้านบนบริเวณรอบๆลานสน
ไฮไลค์อยู่ที่หลักกิโลแบ่งเขตไทยลาว และจุดชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น
มาภูสอยดาวอย่าลืมเอาเสื้อกันฝนมาด้วยละ
เพราะที่นี้ ฝนมักจะตกๆหยุดๆอยู่เรื่อย
เพียงเเค่สองเส้นทางนี้ก็หมดไปอีกวันแล้วครับ
ก่อนจะถึงวันกลับอย่าลืมไปจองลูกหาบก่อนล่วงหน้านะครับ
ไม่งั้นอาจไม่มีลูกหาบ ต้องแบกของกลับเองนะ
เช้าวันกับเจ้าสายหมอกก็ยังคงอยู่กับเราครับ
แต่พอจะเดินลงจริงๆท้องฟ้าก็เปิดมาสั่งลาเรา
หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินลงแล้วครับ
หลังจากลงไปแล้วเราก็จะไปรับสัมภาระ และจ่ายเงินเพิ่มหากมีเช่าของเพิ่ม ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวจุดที่4
จุดนี้จะอยู่ใกล้กับจุดที่หนึ่งครับ อยู่ข้างๆร้านสวัสดิการของทางอุทยานเลย
หาไม่ยากครับเพราะเค้าจะเอารถไปส่งเราถึงที่เลย
ขาลงใช้เวลาน้อยกว่าเดิมเยอะ อิอิอิ
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมชอบทริปหนึ่ง
ผมยังจำความทรงจำเมื่อมาภูสอยดาวในครั้งแรกได้....ครั้งที่สองก็เช่นกัน......
และการมาเยือนอีกภูสอยดาวอีกครั้งในครั้งนี้...หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไป
อาจจะดีหรือไม่ดีผมก็คงไม่ตัดสิน เพราะโลกใบนี้หมุนอยู่ตลอดเวลา
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา...
ไม่มีใครบอกได้ว่าธรรมชาติแบบนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน
กลับไปภูสอยดาวอีกครั้งอาจมีกระเช้าขึ้นไปเลยก็ได้.........
ใครอยากเที่ยว...รีบเที่ยวนะครับ.......
บอกเบอร์ติดต่ออุทยานอีกครั้งนึงนะครับ
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวโทร 055-436793 055-436001...055-436002
ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น. ขอล่วงหน้าก่อน 3-4 วันนะครับ
ว่างๆก็แวะไปเยี่ยมเยือนกันได้นะครับที่ https://www.facebook.com/wefoto/
แล้วผมกันใหม่ครับ
ที่มา Pantip
Cr. preuk13