สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกชาวบลูแพลนเนตทุกท่าน พบกันอีกครั้งครับ วันนี้มาปล่อยรีวิวพร้อมกับสายฝน ฉุ่มช่ำกันเลยทีเดียว บรรยากาศแบบนี้ออกไปไหนไม่ได้ เลยขอทำรีวิวที่ไปเที่ยวตอนสงกรานต์มาให้เพื่อนๆได้ชมกันครับ สำหรับรีวิวทริปนี้ จะเป็นการไปเที่ยวดำน้ำคลายร้อนกันที่หลีเป๊ะครับ แล้วก็ไปดำน้ำต่อกันที่ลังกาวี ดูซิโลกใต้ทะเล ของไทย หรือของเพื่อนบ้านจะสวยกว่ากัน
โดยปกติ ช่วงเทศกาลก็มักจะมีโปรแกรมไปเที่ยวอยู่แล้วสำหรับเพื่อนๆและครอบครัว ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ไปเที่ยวไกลมากมาย อาจหาแถวๆหัวหิน ชุมพร เที่ยว แต่พอดีมีตั๋วโปร ของสายการบินไลอ้อนแอร์ออกมาบินไปหาดใหญ่ในราคาจิ๊บๆ ก็เลยแพลนเป็นโปรแกรมนี้ขึ้นมา แต่ตั๋วโปรจองไว้ขากลับ ขาไปไฟลท์ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ก็เลย จองของแอร์เอเชียขาไปแทน กลายเป็นทริปนี้ทริปเดียวบินกันสองสายการบิน เที่ยวกันสองประเทศ คุ้มค่ากันสุดๆ เนื่องจากหลังรวบรวมรายชื่อคนที่จะไปเที่ยว พบว่ามีคนอยากไปเที่ยวด้วยมากมาย นับได้ถึง 20กว่าคน ตอนแรกกะจะไปเที่ยวเอง ก็เลยต้องมีปรับเปลี่ยนนิดนึง เราจะใช้บริการของบริษัททัวร์ เพื่อความสะดวก และรวดเร็วในการเที่ยวครั้งนี้ครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปชมรีวิวกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ วันแรกเราเลือกบินไฟลท์ค่ำ เพราะ ทำงานเสร็จ ก็นัดหมายไปเจอกันที่สนามบินเพื่อเดินทาง เมื่อพร้อมแล้วก็เช็คอินโหลดกระเป๋ากันเลยครับ เหลือไปเห็นป้าย บนเค๊าเตอร์ แหมม เหมาะกับกรุ๊ปนี้จริงๆสำหรับคณะ สว (สูงวัยนะอิอิ)
ได้เวลาบินละครับ ขึ้นเครื่องกันดีกว่า กับสายการบินเจ้าประจำ Thai Airasia
เราบินกันไฟลท์สุดท้ายของวันเลยครับ ประมาณสองทุ่ม ไปถึงที่นั่น ก็สามทุ่มกว่าๆ บรรยากาศเงียบสงบ ร้านค้าต่างๆปิดกันหมดแล้ว
ยินดีต้อนรับน้า Low Batt ด้วยครับมาขึ้นเครื่องทันพอดี คริๆๆ เนื่องจากไปถึงมืดแล้วรถสองแถวประจำทางก็หมดแล้ว แต่ถึงมี ไปกันเยอะขนาดนี้ ก็คงขึ้นกันไม่หมด ก็เลยติดต่อรถตู้ไว้ล่วงหน้าครับ โทรไปติดต่อที่โรงแรม Tune ชื่อเก่า ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น RED PLANET ไปละ ทางโรงแรมให้เบอร์รถตู้มา เลยติดต่อไว้ก่อนเค้าคิดคนละ 80 บาท เท่านั้นเอง สะดวกสบายรวดเร็ว
เนื่องจากไปถึงดึกละ เลยจองโรงแรมแบบ ธรรมดาๆไป เราเลือกลงที่ RED PLANET นี้หรือ Tune เก่านั้นเอง คืนละประมาณ 800 บาทครับ ไม่มีอาหารเช้า เอาไว้แค่พักผ่อน รุ่งเช้าจะได้ออกเดินทางได้แต่เช้า
มาดูห้องน้ำกันซักหน่อย ตอนแรกคิดว่าจะเล็กเท่า ibis กลับกลายเป็นผิดคาดครับ ใหญ่กว่า ไม่อึดอัดเท่า ไอบิส
มาดูหน้าโรงแรมยามเช้านิดนึง ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้ไม่มีอาหารเช้า เช้ามาเลยออกมาเดินหาอาหารเช้ารอบๆโรงแรมครับ มีให้เลือกมากมายหลายร้านเลยไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรทาน
เดินอ้อมมาด้านหลังนิดนึงก็เจอร้านนี้ครับเห็นของขายมากมายหลายแบบ เลยลงร้านนี้แหละ
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วก็นั่งรถตู้ไปที่ท่าเรือครับ ใช้บริการทัวร์ของบ้านปัน เค้ามีรถมารับที่โรงแรมเลย
พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลยยยยยยยย มุ่งหน้าสู่หลีเป๊ะ
ยินดีต้อนรับเจ้าชายเย็นชา ครับ ลงเรือไปเที่ยวพร้อมๆกันเลยย วิ่งไปใกล้ถึงก็แวะทานข้าวกันที่นี่ก่อนครับ อาหารก็มีให้เลือกนิดหน่อย แล้วก็จะมีไก่ทอดอีกอย่างแต่ถ่ายภาพไม่ทันเพราะมัวแต่ถ่ายรูปหันไปอีกทีหมดซะละ 555
ทานข้าวอิ่มก็เดินถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆซักหน่อยก่อนขึ้นเรือไปเที่ยวยังจุดต่อไปครับ
เรือวิ่งมาซักพัก ก็ถึงจุดที่เที่ยวแล้วครับ เกาะนี้ แค่เห็นภาพ หลายคนคงร้องอ๋อ ใช่แล้วครับ เราไปแวะเที่ยวกันที่เกาะหินงาม กันต่อครับ เกาะนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยทีเดียว ใครมาเที่ยวแล้วไม่แวะเกาะนี้ถือว่ามาไม่ถึงนะ
ถ่ายรูปกันเพลินไปเลย แหมม แอบเสียดายเล็กน้อย ทริปนี้ไม่ได้เอากล้องตัวใหญ่มาไม่งั้นภาพน่าจะงามกว่านี้ ทริปใช้กล้อง Only Epl 5 เท่านั้นเองครับ เพื่อความคล่องตัว เอาตัวใหญ๋มา แบกขึ้นแบกลงคงไม่ไหว 555
เสร็จจากจุดนี้เดี๋ยวเราก็ไปเข้าที่พักกันครับ ขึ้นเรือกันเลย
ถ้าฟ้าเปิดๆหน่อยท่าจะสวยกว่านี้
วิ่งมาซักพักก็ถึงที่พักของเราแล้วครับ คืนที่ 2 นี้เราจะพักกันที่นี่ Mountain Resort ในภาพคือบรรยากาศหน้าหาดที่พักครับ ขอบอก สวยมาก ใครอยากดูปลานีโม่ ไม่ต้องไปหาไกลเลย แถวๆหน้าหาดนี่แหละ ดำดูได้อย่างเพลินตา นีโม่อยู่แค่เอื้อมมือ แต่อย่าไปจับนะ สงสารน้องนีโม่
ขนของลงจากเรือเสร็จก็มีพนักงานมาช่วยขนต่อขึ้นไปด้านบนครับ ทางขึ้นล็อบบี้ ล็อบบี้จะอยู่ด้านบน ออกกำลังกายหน่อยนะ
เช็คอินกันก่อนเลยครับ ที่ตรงนี้ จะมีคอมให้ใช้ได้ด้วย เผื่อใครต้องการใช้
วิวจากด้านหน้าล็อบบี้ครับ จะเห็นตรงจุดที่เราลงเรือเมื่อกี้แล้วเดินมา สวยงามมากมาย
เข้าที่พักกันก่อนเลยครับ เราจองมาแบบดีลักซ์ทางขวามือ ห้องที่นี้จะมีหลากหลายแบบมากครับ เริ่มต้นต่ำสุดที่สี่พันกว่าบาท นั่นก็คือแบบที่เราจะพักคืนนี้นั่นเอง
มาดูรายละเอียดในห้องพักกันซักหน่อยครับ ตามภาพนี้เลย
มาสำรวจโรงแรมกันซักหน่อยครับมาดูส่วนห้องอาหารของโรงแรมกันบ้าง วิวเทพมากๆถูกใจสุดๆ
ถ้ามาพักแนะนำให้มานั่ง ซักประมาณ ห้าโมงกว่า จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้นานหน่อย ผมงี้ นั่งจะดึกเลยครับ คริๆๆ
มาดูส่วนสระว่ายน้ำกันบ้างใครไม่อยากลงทะเล มาว่ายน้ำเล่นที่จุดนี้ได้ครับ หรือว่ายในทะเลเบื่อแล้วมาเล่นที่สระนี้เปลี่ยนบรรยากาศก็ได้นะ ด้านหลังก็จะมีห้องอีก type หนึ่งครับ
อันนี้ก็เป็น อีก type นึง มีดาดฟ้าด้วย แล้วแต่งบเลยครับ งบเยอะ หน่อย จัดเลยแบบนี้ สุดๆไปเลยกลางคืนมายืนดูดาวบนดาดฟ้า
ปาการังมากมาย เด่วขอไปดำน้ำชมปะการังหยอกล้อกะน้องนีโม่ก่อนนะ
ภาพชุดนี้ถ่ายจากหน้าหาดที่พักครับ ภาพอาจไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ พอดี ฟ้าปิด แสงลงมาเลย ภาพเลยไม่ค่อยชัด ถ้าแดดดีๆงามแน่นอน
หลังจากดำน้ำจนพอดีใจก็เข้าห้องพักผ่อนครับตัดมาตอนเช้าเลยดีกว่า เดี๋ยวเราไปดูไลน์อาหารที่นี่กันซักหน่อยครับ
ไลน์อาหารที่นี่ก็มีให้เลือกพอสมควรครับเอามาให้ดูซัก3อย่างที่เหลือก็พวก ไข่ดาว ไส้กรอก ชากาแฟ มาตรฐานอยู่ละ
อิ่มแล้วก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าเดินทางกันต่อครับ เราตีเข้าฝั่งแล้วแวะเที่ยวเก็บรายทางระหว่างเข้าฝั่งครับ จะได้ไม่เสียเวลา เดี๋ยวไม่ทันเรือไปลังกาวี เพราะใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน จริงๆมีอีกวิธีที่จะไปลังกาวีได้สะดวก จากหลีเป๊ะก็มีนะครับ แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่านิด แล้วแต่ใครสะดวกแบบไหน
ขากลับก็แวะเที่ยวตามเกาะแก่งเล็กๆน้อยๆมาเรื่อยๆครับ มาถึงเกาะนี้ผมนี่นึกถึงเกาะทะลุที่ประจวบจริงๆ เดี๋ยวไปดูกันว่าเหมือนไหม
ณ จุดนี้เรียกว่าซุ้มรักนิรันด์ ที่เกาะไข่ กันซักหน่อย เหมือนที่ประจวบไหมเอ่ย
ตอนแรกไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ซักพักทัวร์จีนมาลง ตรึม เดี๋ยวเราไปกันต่อดีกว่า
เด็กเรือเรานั่งรอจนเบื่อล่ะ รีบขึ้นเรือไปยังจุดต่อไปกันต่อดีกว่าครับ อิอิ
จุดต่อไปก่อนเข้าฝั่งเรามาแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาครับ ด้านในก็ไม่มีอะไรมากมาย แวะมาชมบรรยากาศรอบๆละกันนะ
แผนที่แหล่งท่องเที่ยวครัว แต่เราเวลาไม่มีพอเลยได้แต่แวะเดินชมแถวๆนั้น
ปิดท้ายด้วยแผนผัง เดี๋ยวเราลงเรือเข้าฝั่งกันดีกว่าครับ รีบทำเวลาเดี๋ยวไม่ทันเรือรอบสุดท้าย
หลังจากขึ้นเรือที่ท่าเรือก็ต่อรถตู้ไปสตูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงครับแวะหาอาหารทานกันซักหน่อย เห็นเค้าแนะนำร้านนี้จัดไปๆ ภาพอาหารไม่ทันได้ถ่ายนะครับ เพราะลงปุ๊บ หมดปั๊บ 5555 อิ่มแล้วเราก็ไปที่ท่าเรือ ตำมะลังกันเลยครับรอเรือข้ามไปฝั่งลังกาวี
เห็นบรรยากาศแล้ว มีหนาววววว จะได้ไปไหม
แวะซื้อตั๋วเรือกันที่นี่ครับ เที่ยวเรือจะมีไปกลับวันละ 3 รอบ ผมไปถึงก็รอบบ่ายพอดี ถ้าพลาดเจออีกทีเย็นแน่ๆ
ใครยังไม่ได้แลกเงินมาแลกเงินได้ ที่ จุดนี้นะครับ ตอนแรกไกด์อธิบายไม่ไหมด คือตอนแลกเนี้ยสมมุติ เรท 3 บาท เอาง่ายๆนะครับเรตจริงอาจไม่ใช่เรตนี้ เราแลกไป ไกด์บอกขากลับเค้ารับแลกคืนในเรทเดียวกัน ตอนแรก ก็คิดในใจเอ่อดีนะ แลกเลยเยอะๆ กลับมาก็ได้คืนเท่าเดิม แต่จริงๆแล้ว มันมีทริคนิดนึงครับสำหรับร้าน ผมก็ว่าแล้วแบบนี้ร้านจะได้กำไรตรงไหนสุดท้ายเป็นแบบนี้ครับ คือ สมมุติแลกไป 3000ริงกิต เค้าจะให้แบงค์ย่อยมาครับ แล้วเวลาคืน ก็ต้องเอาแบงค์แบบย่อยๆนั้นคืนเค้า ถ้าเป็นแบงค์อื่น เค้าจะคิดอีกเรตนึงนะ อันนี้บอกกันไว้ก่อนแล้วที่เจอมา คืนแบงค์ย่อยบอกว่าไม่ได้ เพราะแบงค์ย่อยนี่ร้านเค้าทำสัญลักษณ์ไว้ ถ้าไม่มีสัญลักษณ์คิดอีกเรท คุณพระ!!! แต่ก็ OK นะ ไม่งั้นร้านจะอยู่ได้ไง ร้านแลกเงินก็ต้องมีคิดส่วนต่างค่าเงินบ้างเป็นกำไร ก็เลยหยวนๆแลกคืนไป
ก่อนลงเรือฝนตกหนักมากครับ แต่ถึงเวลาเรือก็ออก ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้วครับ
ถึงแล้วครับ ผ่าน ตม เรียบร้อย ก็เตรียมตัวไปรอขึ้นรถบัสได้เลย ใครจะข้ามมาฝั่งลังกาวี อย่าลืมติดพาสปอร์ตมาด้วยนะครับ
มาถึงเสร็จ ไกด์มาอำนวยความสะดวกเรียบร้อย ก็พาไปขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังที่พักครับ
ได้เวลาเช็คอินเข้าโรงแรมครับเราจะนอนที่โรงแรมนี้กัน 2 คืน ณ โรงแรม Langkawi Seaview
มาดูในห้องที่เราพักกันซักหน่อยครับ ห้องผมเป็นแบบ ดีลักซ์ ถ้าเป็นห้อง ซูพีเรีย ส่วนมากจะเป็นเตียงแบบ Twin ครับ เสร็จแล้วก็รีบเก็บของเข้านอนเพราะรุ่งเช้าต้องไปดำน้ำกันต่อเก็บแรงไว้ก่อน
ส่วนมากคนบอกว่ามาฝั่งมาเลแล้วอาหารจะทานไม่ถูกปากนัก ก็ไม่ผิดจากที่เค้าว่ากันซักเท่าไหร่ครับ มีแบบโดนใจน้อยมาก เลยทานแบบรองๆท้องกันไป
อันนี้คล้ายๆก๋วยเตี๋ยวไก่บ้านเราครับพอไหวๆๆ รีบทานแล้วก็ขึ้นรถกลับไปยังท่าเรือที่เราขึ้นตอนมาเมื่อวานเพราะที่นั่นจะเป็นจุดขึ้นเรือออกไปเที่ยวเกาะกันครับ
สำหรับท่านที่มาเที่ยวเอง ก็ช่องขายตั๋วทางด้านนี้เลยครับ หาซื้อได้เลย
ได้เวลาลงเรือกันแล้วครับไปกันเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง เราจะไปดำน้ำกันที่เกาะ Pulau Payar ,Langkawi
เรือที่นั่งไปก็จะคล้ายๆกับเรือที่เรานั่งมาจากสตูลครับ และแล้วเราก็มาถึงแล้วครับ ที่เกาะ Paulau Payar
น้ำใสมากมาย แล้วอีกไฮไลท์ของที่เกาะนี้ก็คือ ฉลามน้อยนั่นเอง ถ้าฉลามใหญ่มาตัวใครตัวมันนะ 555
ถ่ายเซลฟี่กับปลาเสือซักหน่อยไหมครับ อิอิ
อุ๊ยๆๆ ฉลามมาข้างหลัง ระวังน๊า คริๆๆ
มาชมน้องนีโม่ที่ ลังกาวี กันบ้างครับ สรุปแล้วสวยงามไม่แพ้ที่ไทยเลยทีเดียว
ดำน้ำจนสะใจ แล้ว ก็เตรียมเดินทางกลับไปท่าเรือกันต่อ
กลับเข้าฝั่งแล้วก็เข้าโรงแรมอาบน้ำแต่งตัวแล้วมาถ่ายภาพที่ระลึกกันที่จุดนี้ครับ ตามตำนานคำว่า ลังกาวี มาจากนกอินทรีย์ หรือ เฮอลังในภาษามาเลย์ ส่วนคำว่า กาวี ก็หมายถึงสีน้ำตาลแกมแดง ดังนั้นลังกาวี จึงมีความหมายว่า นกอินทรีย์สีน้ำตาลแกมแดง นั่นเอง
แวะมาลองชิมอาหารจีนที่ลังกาวีกันซักหน่อยครับ รสชาติพอไหว
วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของทริปนี้ ปิดท้ายกันด้วยที่ Oriental Village&Langkawi Cable Car ก่อนจะเดินทางกลับ
ก่อนจะไปขึ้นเคเบิลคาร์ เรามาเที่ยวชมบรรยากาศของ Oriental Village กันก่อนดีกว่าครับ
Langkawi Cable Car เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ชนิดห้ามพลาดเลย เมื่อคุณมาลังกาวี ถ้าไม่ได้ขึ้นเคเบิลคาร์ ก็เหมือนมาไม่ถึง ลังกาวีนะจะบอกให้
ปิดท้ายด้วยภาพนี้ครับเดี๋ยวเราก็ลงไปด้านล่างแล้วไปที่ท่าเรือเตรียมตัวเดินทางกลับไปที่สตูลกันละ
ผ่าน ตม เรียบร้อยก็ได้เวลาลงเรือกลับไทยกันแล้วครับ
ใช้เวลาเดินทางก็เหมือนตอนขาไป คือประมาณชั่วโมงนิดๆเราก็กลับมาถึงท่าเรือที่สตูลเรียบร้อยครับ หลังผ่านตม ก็ขึ้นรถตู้ไปสนามบิน
เตรียมตัวเช็คอินทางกลับกลับกันดีกว่า เสร็จสิ้นภาระกิจกันละ กลับมาตัวดำปี๋ ดำกันทั้งวัน 555
อย่างที่บอกข้างต้น ตอนขามาๆ Airasia ขากลับ เราก็กลับกับ Lion Air ปิดทริป หลีเป๊ะ & ลังกาวี เรียบร้อย
ขอปิดรีวิวนี้ด้วยภาพนี้เลยครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมรีวิวนี้ หวังว่ารีวิวนี้คงเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำ เที่ยวทะเล เผื่อจะได้เป็นไอเดียในการเดินทางทริปต่อไป ทริปนี้ จุดประสงค์หลักคือให้ได้ชมแหล่งท่องเที่ยวซะมากกว่า ขออภัยที่ไม่ได้เจาะลึกในวิธีการเดินทาง เพราะอย่างที่กล่าวข้างต้น ทีมงานไปกันมากมาย ก็เลยต้องใช้บริการแบบกรุ๊ปเหมาซะส่วนใหญ่ ถ้ามีโอกาศ ไปกันน้อยๆคนอีกครั้งแล้วแบคแพคไปเอง จะมาทำรีวิวแบบละเอียดให้ชมอีกครั้งแล้วกันนะครับ
สำหรับวันนี้ขอกล่าวคำว่า ขอบคุณ แล้วเจอกันในรีวิวต่อไปครับ
ที่มา : Pantip
ขอบคุณ : Mr.ตระเวนเที่ยว